ราคาน้ำมันดิบคาดจะปรับขึ้นเล็กน้อย หลังโอเปคเดินหน้าลดกำลังการผลิต และสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มลดลง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 51-56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 53-58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (13 ก.พ. – 17 ก.พ. 60)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปค ซึ่งผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคมีแนวโน้มสามารถปรับลดกำลัง
การผลิตได้มากกว่า 90% ของข้อตกลงลดกำลังการผลิต ส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงมาอยู่ที่ 29.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือปรับลดลงถึง 92% นอกจากนี้ราคายังได้รับแรงหนุน
จากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังในสหรัฐที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบ คงคลังสหรัฐ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง จากโรงกลั่นที่ปรับลดกำลังการกลั่นลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงละปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ตามทิศทาง การเพิ่มการขุดเจาะของผู้ผลิตในสหรัฐ
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
- จับตารายงานประจำเดือนของกลุ่มโอเปคในวันที่ 13 ก.พ. นี้ว่าปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปคจะปรับลดลงตามที่ได้ตกลงไว้ก่อนหน้าหรือไม่ โดยจากผลสำรวจของ สำนักข่าว Reuters และ Platts พบว่าผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคสามารถทำตามข้อตกลงได้ประมาณ 82% และ 91% ตามลำดับ นับว่าเป็นการปรับลดลงมากกว่าในอดีตที่สามารถ ปรับลดได้เพียง 60% ในปี โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA)ให้ข้อมูลว่า โอเปคลดกำลังการผลิตลง 90 % ในเดือน มค. โดยผู้ผลิตบางราย เช่น ซาอุดิอาระเบีย ได้ลดกำลัง การผลิตลงมากกว่าข้อตกลง ขณะที่กำลังการผลิตของโลกโดยรวมลดลงมากกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคอยู่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินฟื้นตัวขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.พ. 60 ปรับลดลง 869,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ราว 1.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 8.3 ในสัปดาห์ก่อนหน้า
- อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง จากปริมาณการนำเข้าที่คงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับโรงกลั่นที่ปรับลด กำลังการกลั่นลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงประจำฤดูกาล โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.พ. 60 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 13.83 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 508.59 ล้านบาร์เรล
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันดิบจากชั้นดินดาน (Shale oil) ในสหรัฐ ที่ประมาณ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผู้ผลิตเพิ่มการขุดเจาะขึ้นต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 10 ก.พ. 60 ปรับเพิ่มขึ้น 8 แท่น มาอยู่ที่ 591 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 58
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ GDP ไตรมาส 4/59 ยูโรโซน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน ยอดค้าปลีกสหรัฐ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคจีน
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (6 ก.พ. – 10 ก.พ. 60)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 53.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันของประเทศจีนในปี 2559 เติบโตต่ำสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งเติบโตเพียงร้อยละ 2.5 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปค ประกอบกับ ปริมาณน้ำมันเบนซินสหรัฐ ที่รายงานโดย EIA ปรับตัวลดลง สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น และถือเป็นการปรับลดลงเป็นครั้งแรกหลังจากการปรับเพิ่มขึ้น 5 สัปดาห์ติดต่อกัน
ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)