โดย ใจอยู่ที่กระบี่
เผยแพร่ : 
317 viewsแม่ทัพหญิง WHA
วิเคราะห์โอกาสฟื้นเศรษฐกิจประเทศ
.
หากถามถึงแม่ทัพหญิงเบอร์หนึ่งของไทย "จรีพร จารุกรสกุล" ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ถือเป็นนักธุรกิจหญิงระดับต้นๆ ที่ได้รับการยอมรับทั้งด้านการบริหาร และมุมมองธุรกิจอนาคตเป็นอย่างดี
.
ตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจกว่า 30 ปี "จรีพร" บอกเลยว่า ต้องเผชิญกับสารพัดวิกฤตที่เข้ามาสร้างแรงกระแทกต่อธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หัวใจสำคัญที่ทำให้ WHA ผ่านสิกฤตมาได้ คือวิชั่นในการมองแนวโน้มอนาคต ที่มีทั้งวิกฤตและโอกาส แล้วเตรียมองค์กรและบุคลากรให้พร้อในการขับเคลื่อนธุรกิจ
.
"ถ้าคุณเป็นเบอร์หนึ่งขององค์กร คุณต้องรู้ล่วงหน้าว่า ไครซิสในอนาคตที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าคืออะไร... ตลอดการทำธุรกิจมากว่า 30 ปี มันไม่มีอะไรนิ่ง มันมีวิกฤตเข้ากระแทกตลอดเวลา สิ่งสำคัญคือ การที่คุณเป็นเบอร์หนึ่งขององค์กร คุณเป็นผู้วางบิซิเนสโมเดล คุณมองภาพใหญ่อะไร เรามองภาพเมกะเทรนด์ ภาพแมคโครว่ามันคืออะไร หลายปีก่อนเรามองเรื่องเทคที่จะเข้ามามีบทบาท WHA จึงปรับตัวเรื่องเทคโนโลยีสูงมาก"
.
ส่วนในโลกปัจจุบัน เราเห็นการชิพจากตะวันตกมาตะวันออก การเกิดเทรดวอร์มันคืออะไร เกิดการเคลื่อนย้ายฐานทุนมีความเคลื่อนไหวอย่างไร และมันดีกับเราอย่างไร จะมีฐานทุนเข้ามาประเทศไทยอย่างไร เราต้องเห็นภาพใหญ่ทั้งหมด แล้วต้องมานั่งต่อจิ๊กซอทั้งหมด การที่เราสร้างบิซิเนสโมเดลของเรา มัน สามารถตอบโจทย์โลกอนาคตได้หรือไม่ ถ้าตอบโจทย์ไม่ได้ หรือธุรกิจมันไปกระจุกอยู่ที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีความเสี่ยงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือเปล่า นั่นคือเราต้องกระจายความเสี่ยง
.
ในมุมของ WHA มีการกระจายธุรกิจออกเป็น 4 พอร์ตหลัก ได้แก่ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และล่าสุดคือ ธุรกิจดิจิทัล
.
เมื่อ 2-3 ปี ที่มีโควิดเข้ามา โลจิสติกส์ดีมาก เพราะอีคอมเมิร์ซเติบโต ส่วนนิคมอุตสาหกรรมได้รับแรงกระแทก เพราะคนเดินทางไม่ได้ นิคมฯ ก็ดร็อป หรือเมื่อเกิดภัยแล้ง เรื่องน้ำมันดร็อป แต่ก็มีเรื่องของพลังงานที่ดี เราพยายามบาลานซ์พอร์ตให้ดี ส่งผลให้ปี 2564 มียอดขายที่เติบโตได้ 20%
.
ส่วนปีนี้ ทุกอย่างดีหมด โลจิสติกส์ดีมาก นิคมอุตสาหกรรมยอดขายเติบโตมากกว่าเดิม 2-3 เท่า พลังงานดี ดิจิทัลก็ดีมาก เราเชื่อมั่นมากในเรื่องกระแสการลงทุน กำลังไหลเข้าสู่ประเทศไทย
.
หากถามว่า อนาคตไทยจะเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นอย่างเวียดนาม "จรีพร" บอกว่า แต่ละประเทศมีดีแตกต่างกัน ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีมากๆ ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ก็มีดีเรื่องของแรงงานที่มีปริมาณมาก และค่าแรงถูก และจุดเด่นของเขามากๆ คือ คนของเขามีแรงขับเคลื่อนที่สูงมาก
.
สำหรับไทย อาจจะเติบโตมาแล้วระดับหนึ่ง ทำให้เกิดคนเริ่มเกิดความไม่แอคทีฟ ดังนั้น ไทยต้องพยายามขับเคลื่อน สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา โดยการมองไปข้างหน้า แล้วตั้งเป้าหมายประเทศให้ชัดๆ เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายนั้น ไทยไปต่อตรงนั้นได้ เพราะระบบโครงสร้างพื้นฐานของเราดีมากกว่าเพื่อนบ้าน คนไทยมีทักษะแรงงานที่ดีมากๆ ไม่งั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเลคทรอนิกส์ทั้งหลาย คงไม่มามาลงทุนในไทย
.
แต่ขณะเดียวกัน ไทยก็ต้องพยายามปรับศักยภาพแรงงาน ด้วยการ Upskill-Reskill รวมไปถึง Change Skill ภาครัฐเองก็ต้องให้การสนับสนุน ทั้งเรื่องของกฎระเบียบ เรื่องของภาษี ซึ่งไทยถือว่าดีที่สุดในภูมิภาคนี้
.
ในวันนี้ ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในหลายๆ เรื่อง แต่แน่นอนว่า ไทยจะอยู่นิ่งอย่างนี้ไม่ได้ ต้องปรับตัวตลอดเวลา เพื่อสร้างความพร้อมสำหรับการเดินหน้าสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
.
