ห้องเม่าปีกเหล็ก

กระแสเงินสดอิสระ เครื่องมือสแกนกิจการ ของ Warren Buffett

โดย Durant
เผยแพร่ :
264 views

กระแสเงินสดอิสระ เครื่องมือสแกนกิจการ ของ Warren Buffett - BillionMoney

 

 

หากเราเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า ที่เน้นการถือหุ้นในระยะยาวแล้ว

การตรวจสอบงบการเงิน ของบริษัทที่เราจะนำเงินไปลงทุนนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญ

โดยงบการเงินของบริษัท ประกอบไปด้วย

- งบแสดงฐานะการเงิน

- งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ

- งบกระแสเงินสด

แน่นอนว่าการสังเกตดู อัตรากำไรสุทธิ (NPM), อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน (ROA) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าต้องดู

เพื่อตรวจสอบความสามารถในการทำกำไร ของบริษัทที่เราจะนำเงินไปลงทุน

แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญมาก

ที่นักลงทุนอย่างคุณ Warren Buffett ใช้ในการดูว่าบริษัทนั้นมีงบการเงินที่แข็งแกร่งจริง ๆ

หรือมีการตกแต่งทางบัญชี เพื่อหลอกลวงนักลงทุนที่ไม่ละเอียดรอบคอบกันแน่

นั่นก็คือ “กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow)”

แล้วกระแสเงินสดอิสระคืออะไร ? ทำไมคุณ Warren Buffett ถึงให้ความสำคัญกับเครื่องมือนี้ ?

BillionMoney จะมาสรุปให้ ในแบบฉบับง่าย ๆ

กระแสเงินสดอิสระ คือกระแสเงินสดที่คงเหลือ หลังจากที่บริษัทนั้นใช้จ่ายไปกับทุกกิจกรรมในการทำธุรกิจ ซึ่งรวมถึงเงินที่ใช้ลงทุนไปในธุรกิจด้วย

ดังนั้นถ้าบริษัทมีกระแสเงินสดอิสระ ที่มีมูลค่าเป็นบวกต่อเนื่องหลายปี แปลว่าบริษัทนั้นมีสุขภาพทางการเงินที่ดี

ซึ่งเราก็สามารถคำนวณหากระแสเงินสดอิสระได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ด้วยการนำเงินที่ธุรกิจได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงาน มาหักด้วยรายจ่ายการลงทุน

ในการจะพิจารณา กระแสเงินสดอิสระนั้น อย่างแรกเราจะต้องรู้จักกับ งบกระแสเงินสดเสียก่อน

งบกระแสเงินสด ก็คือ งบที่บันทึกการเปลี่ยนแปลงของเงินสดทั้งหมด ที่ไหลเข้าและไหลออกจากบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วย

- กระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงาน

- กระแสเงินสดจากการลงทุน

- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

ซึ่งเราสามารถใช้ข้อมูลจาก งบกระแสเงินสด มาคำนวณหา กระแสเงินสดอิสระ ได้

ยกตัวอย่างการคำนวณแบบง่าย ๆ คือ

ในปี 2021 บริษัท A มีกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงาน 1,000,000 บาท

และมีรายจ่ายการลงทุน 400,000 บาท

แปลว่า บริษัท A จะมีกระแสเงินสดอิสระ อยู่ทั้งหมด 600,000 บาท

แล้วตัวเลขกระแสเงินสดอิสระนี้ มีความสำคัญอย่างไร ?

หลายครั้งที่บริษัทบันทึกผลกำไรและขาดทุน ที่ได้จากการประกอบธุรกิจ แต่กำไรที่บันทึกลงไปในบัญชี ก็เป็นแค่เพียงตัวเลขลอย ๆ เพราะบริษัทก็อาจจะยังไม่ได้รับเงินสดจริง ๆ แต่แค่ลงบัญชีเอาไว้ก่อน

และถ้าเราไม่ตรวจสอบ งบกระแสเงินสด และกระแสเงินสดอิสระอย่างละเอียด ก็อาจจะโดนตัวเลขเหล่านี้หลอกตาเอาได้

มีตัวอย่างจาก 2 บริษัท ซึ่งมีชื่อเสียงกระฉ่อนระดับโลก คือ Enron และ WorldCom

ที่ต่างก็มีประเด็นเรื่องการทุจริตทางบัญชี จนนำไปสู่การล้มละลายด้วยกันทั้งคู่

ถ้าเราพิจารณากำไรต่อหุ้นของทั้ง 2 บริษัท

เราจะพบว่า ในระหว่างปี 1997 ถึงปี 2000 Enron มีกำไรต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนในระหว่างปี 1998 ถึงปี 2000 WorldCom ก็มีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกัน

แต่เมื่อเราพิจารณา กระแสเงินสดอิสระต่อหุ้นในแต่ละปี ระหว่างปี 1997 ถึงปี 2000 เราจะพบว่า

ทั้ง 2 บริษัทมีตัวเลขกระแสเงินสดอิสระต่อหุ้นเป็นลบทุกปี

ซึ่งหมายความว่า ทั้ง 2 บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถเก็บเงินสดเข้าบริษัทได้เลย

จากตัวอย่างนี้เอง เราจะเห็นได้ว่างบการเงินนั้น สามารถถูกบิดเบือน หรือถูกตกแต่งทางบัญชีได้

แต่งบกระแสเงินสดอิสระนั้น ปลอมแปลงได้ยากมาก

เพราะเป็นการรายงานถึงเงินที่ไหลเข้าและไหลออก ของบริษัทอย่างละเอียด

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การตรวจสอบกระแสเงินสดอิสระนั้น จะช่วยให้เราเห็นถึงสัญญาณอันตราย ที่อาจเกิดขึ้นของบริษัท ในอนาคตได้

โดยเราสามารถตีความได้ว่า

กระแสเงินสดอิสระของบริษัท ที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง อาจบ่งชี้ว่า

- บริษัทไร้ความสามารถในการเก็บเงินจากลูกค้า

- บริษัทมีรายจ่ายจากการลงทุนมากเกินไป

- บริษัทมีการทุจริตทางบัญชีเหมือนอย่าง Enron และ WorldCom

อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็คงพอจะเห็นความสำคัญ ของการตรวจสอบกระแสเงินสดอิสระแล้ว

เมื่อเราจะเลือกลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งในระยะยาว

นอกจากที่เราจะต้องมองหาบริษัทที่มี NPM, ROA และ ROE ในระดับที่สูงแล้ว

อีกอย่างหนึ่งที่เราควรตรวจสอบก็คือ กระแสเงินสดอิสระ ที่เป็นบวกอย่างสม่ำเสมอด้วย

เพื่อที่เราจะได้ไม่โดนตัวเลขกำไรหลอกตาเอาได้..

 

 


Durant