ห้องเม่าปีกเหล็ก

ศึก “สินเชื่อเช่าซื้อ” เกมนี้ใครรอด?

โดย water
เผยแพร่ :
55 views

ศึก “สินเชื่อเช่าซื้อ” เกมนี้ใครรอด?

หลัง ธปท. รับไม้ต่อกำกับเข้มทางการเงิน

.

นับเป็นความท้าทายของกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้ออีกครั้ง สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากการโอนอำนาจกำกับดูแลจาก สคบ. ไปยัง ธปท. ซึ่งจะยกระดับการกำกับดูแลเข้าสู่ระบบการเงินอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวทั้งในด้านต้นทุน การดำเนินงาน และมาตรฐานความโปร่งใส เพื่อให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น

.

โดยในเดือนมิถุนายน 2568 ประเทศไทยได้ออกพระราชกฤษฎีกาโอนอำนาจในการกำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) และการให้เช่าซื้อจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการยกระดับธุรกิจเช่าซื้อให้อยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแลทางการเงินตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน

.

โดยการกำกับดูแลของ ธปท. จะครอบคลุมทั้งด้านการตั้งราคา การเปิดเผยข้อมูล การรายงาน และการดำเนินการทางการตลาด ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากการคุ้มครองผู้บริโภคแบบสัญญาไปสู่การกำกับดูแลเชิงระบบทางการเงิน

.

นอกจากนี้ ธปท. เปิดเผยว่าสินเชื่อเช่าซื้อคิดเป็น 9.9% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด ณ ปี 2567 ขณะที่เกือบหนึ่งในสามของธุรกรรมเช่าซื้อก่อนหน้านี้อยู่นอกการกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ

.

ทั้งนี้ ภายใต้กฎของ สคบ. อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) ถูกกำหนดเพดานไว้ที่ 10% สำหรับรถใหม่ 15% สำหรับรถมือสอง และ 23% สำหรับรถจักรยานยนต์ ขณะที่ ธปท. ยังไม่ได้กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ แต่มีอำนาจที่จะกำหนดได้

.

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุ เชื่อว่าแนวทางของ ธปท. มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้มีการตั้งราคาตามความเสี่ยง และแยกผลิตภัณฑ์ออกจากกันได้ โดยเฉพาะในกลุ่มรถมือสองและรถจักรยานยนต์ ความยืดหยุ่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ให้กู้ที่มีประสบการณ์ด้านสินเชื่อคุณภาพต่ำ โดยที่อัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะต้องไม่เข้มงวดจนเกินไป

.

นอกจากนี้ การกำกับดูแลของ ธปท. ยังเน้นวัตถุประสงค์ด้านนโยบายการเงินโดยรวม ความโปร่งใสมากขึ้นสำหรับลูกค้า และมาตรฐานความประพฤติของตลาดที่เข้มงวดขึ้น ผู้ให้บริการเช่าซื้อต้องส่งข้อมูลและรายงานการเงินต่อ ธปท. เป็นประจำด้วย

.

ทั้งนี้ แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านอาจส่งผลให้ต้นทุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบเพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแนวโน้มยังเป็นบวกต่อผู้เล่นรายใหญ่ที่มีเงินทุนแข็งแกร่ง มีธรรมาภิบาลที่ดี และมีโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถขยายได้ โดยคาดว่ากฎระเบียบใหม่จะนำไปสู่การควบรวมในตลาด เนื่องจากผู้ให้กู้รายเล็กอาจประสบปัญหาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ผู้เล่นรายใหญ่ขยายส่วนแบ่งการตลาดได้

.

อย่างไรก็ดี คาดว่าธนาคารพาณิชย์จะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากอยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแลของ ธปท. อยู่แล้ว สำหรับกลุ่ม non-bank เชื่อว่า TIDLOR, MTC และ SAK อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบที่สุด เนื่องจากมีความเสี่ยงจากสินเชื่อเช่าซื้อต่ำ และมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียน ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบใหม่นี้

.

ส่วน SAWAD (ผ่าน SCAP) มีความเสี่ยงจากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในสัดส่วนที่สูง (29% ของสินเชื่อรวมในไตรมาส 1/2568) แต่ขนาดธุรกิจและโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทน่าจะสามารถรองรับต้นทุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ และสามารถปรับกลยุทธ์การตั้งราคาได้ หากสามารถตั้งราคาตามความเสี่ยงได้

.

ขณะที่ HENG ซึ่งมีความเข้มข้นสูงในสินเชื่อเช่าซื้อ และมีขนาดธุรกิจเล็กกว่า เผชิญความเสี่ยงจากภาระการปฏิบัติตามกฎระเบียบมากกว่า

.

ทั้งนี้ ยังคงมุมมองเป็นกลางต่อทั้งกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงิน โดยเชื่อว่าการกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อใหม่โดย ธปท. จะส่งผลบวกต่อทั้งสองกลุ่มในระยะยาว เนื่องจากเชื่อว่าผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรายเล็กที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดจะต้องมีการปรับปรุงระบบและข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มที่จะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมน้อยกว่า เนื่องจากมีมาตรฐานการปล่อยสินเชื่ออยู่ในระดับที่สูงอยู่แล้ว

 

 

 

ที่มา..  WealthyThai

 


water