ห้องเม่าปีกเหล็ก

โรบอตเทรด พ่นพิษ

โดย poomai
เผยแพร่ :
48 views

โรบอตเทรด พ่นพิษปิดทางรายย่อย ‘เมย์แบงก์’ จี้ตลท.คุม

 

โรบอตเทรดป่วน  ปิดทางการทำกำไรของรายย่อย ฉุดโวลุ่มลดลงต่อเนื่อง รายได้ค่าคอมมิสชันQ1 หดกว่า40% “มนตรี ศรไพศาล” จี้ FITCO-ตลท. ศึกษาผลกระทบ-หามาตรการกำกับดูแล

จากการที่โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ หรือ ระบบโรบอต เข้ามามีบทบาทต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ  ซึ่งมีเม็ดเงินปริมาณค่อนข้างสูง จนส่งผลต่อโวลุ่มการซื้อขายของรายย่อยในช่วงที่ผ่านมานั้น

นายมนตรี ศรไพศาล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมาสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยได้ลดลงมาตลอด  จากสัดส่วนกว่า 60% ปัจจุบันเหลือเพียง 35% และในบางวันโวลุ่มตลาด 6 หมื่นล้านบาท   มูลค่าการซื้อขายของกลุ่มรายย่อยจะเหลือแค่กว่า  1 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากข้อจำกัดในการลงทุน หลังจากที่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการพัฒนาใช้โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ  ทำให้รวดเร็วขึ้นเพียง3 นาทีสามารถซื้อขายได้ 16 รอบ ด้วยกำลังซื้อเพียง 1 ล้านบาท จนทำให้เกิดการตัดหน้าในการทำกำไรของนักลงทุนรายย่อย  ฉะนั้นทุกวันนี้นักลงทุนรายย่อยจึงเริ่มหายไปจากระบบ 

“อย่างใน 2-3 ปีนี้มีหุ้นที่ดีเป็นหุ้นบลูชิพ แต่ราคาตก เช่น  KTC, TRUE และ SAWAD ราคาตกแรง เพราะนักเก็งกำไรหายหมด ไม่มีสภาพคล่องรองรับ  ถามว่าระบบหุ่นยนต์ที่ซื้อขายกัน 16รอบใน 3 นาที  จะเป็นสภาพคล่องที่แท้จริงหรือ? ประเด็นตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องคิดทบทวน ผมอยากให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปทำการศึกษา ดูจากข้อมูลเก่าว่า สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยลดลงมาตลอด และโอกาสในการทำกำไรของรายย่อยในช่วง 5 ปีเป็นอย่างไร”

 

นายมนตรี กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในเดือนมิถุนายนนี้ ตนจะเสนอเรื่องดังกล่าวหารือในสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และในเดือนหน้าจะเสนอไปยังคณะทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ(ตลท.) เบื้องต้นอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตลท.ได้ศึกษาเสียก่อนว่า ระบบโรบอตเทรดเป็นผลเสียต่อการเก็งกำไรของนักลงทุนบุคคลจริงหรือไม่ หากเป็นจริงตามที่ตนสันนิษฐาน ทางตลท.ก็ควรมีมาตรการกำกับควบคุมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

“บรรยากาศที่ซื้อขายกัน 16 รอบภายใน 3 นาที   การเล่นเกมเช่นนี้จะเป็นธรรมได้อย่างไร   ผมจึงอยากให้ FETCO และตลท. ได้เข้าไปศึกษา พิจารณาถึงพฤติ กรรมการปิดกั้นลัดคิวของระบบโรบอต ถามว่าจำเป็นที่จะต้องเปิดให้ทำมากขนาดนั้นหรือไม่ หากข้อสรุปเป็นไปตามที่ผมสันนิษฐานก็คิดว่าตลท.จะมีมาตรการกำกับออกมาดูแล”

นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ผลกระทบจากระบบโรบอตเทรด เริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ปี 2560-2561 คือสภาพคล่องและโวลุ่มการซื้อขายหายไป และที่ผ่านมาสัดส่วนของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศจะอยู่ที่ 20 และไม่เกิน 30% ของโวลุ่มซื้อขาย แต่ปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศขึ้นมากกว่า40%

“สัดส่วนที่เกินมา คือมาจากโรบอตเทรด นี่เป็นความเห็นส่วนตัว ส่งผลกระทบสำหรับผู้ที่ให้บริการลูกค้ารายย่อย   ซึ่งการจะนำระบบโรบอตมาใช้เราไม่ได้ว่า แต่ความเร็วที่นักลงทุนต่างประเทศเหนือลูกค้าทั่วๆ ไปนั่นคือประเด็น”

นายช่วงชัย ยกตัวอย่าง ตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน จากเมื่อ 5 ปีก่อน มีปริมาณการซื้อขายมากกว่าไทย  แต่ช่วงหลังน้อยกว่าตลาดหุ้นไทยมาก เนื่องจากรายย่อยหายไปโวลุ่มทั้งตลาดสิงคโปร์เหลือเพียงกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพราะถูกระบบโรบอตฆ่าหมด เพราะไม่ต่างกับการเอาปลาใหญ่ไปอยู่ในบ่อเดียวกับปลาเล็ก

       “โวลุ่มการซื้อขายในปัจจุบันที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อรายได้ค่าคอมมิสชัน จะเห็นว่าภาพรวมโบรกเกอร์ไตรมาส 1/2562  ทั้งระบบติดลบเฉลี่ย 40% ส่วน
ที่มองกันว่า โวลุ่มการซื้อขายลดลงเป็นผลจากภาวะตลาดซบเซา ปัจจัยจากสงครามการค้า และการเมือง  เหตุการณ์เหล่านี้เป็นวัฏจักร เราผ่านมาไม่รู้กี่รอบ แต่ผลกระทบจากโรบอตหนักกว่ามาก  ซึ่งเป็นเรื่องที่ตลท.ต้องเข้ามาดู”

ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลสัดส่วนการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดย 4 เดือนแรกของปีนี้ (2562) อยู่ที่ 40% จากสิ้นปี  2561 อยู่ที่ 36%ส่วนปี 2560, 2559, 2558 และปี 2557 อยู่ที่ 30%, 26%, 22% และ 20% ตามลำดับ

 สวนทางกับสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนบุคคลในประเทศ 4 เดือนแรกของปี 2562 อยู่ที่36% จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่  41% ส่วนปี 2560, 2559, 2558  และปี 2557 อยู่ที่  48%, 54%, 59% และ 62% ตามลำดับ

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


poomai