SET ดิ่งแรง 34 จุด หวั่นดอกเบี้ยกลับทิศ-ฝรั่งขายหมื่นลบ.
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า สาเหตุที่หุ้นไทยปรับตัวลดลงแรง เป็นผลมาจากสหรัฐฯอาจปรับขึ้นดอกเบี้ย และกังวลการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยยังไม่ปรับดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ใหม่ โดยยังคงเป้าหมายไว้ที่ 1,670 จุด ส่วนสำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนคือ กลุ่มโภคภัณฑ์ และกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงคือ กลุ่มท่องเที่ยว,กลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน
“ดัชนีร่วงลงแรงวันนี้มาจาก 2 สาเหตุหลัก ทั้งดอกเบี้ย และ โควิด โดยสิ่งที่หนุนตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา คือ กระแสเงินทุน และ ถ้าหากมีข่าวเข้ามามีผลให้โฟลว์ไหลออกได้ ซึ่งรอบนี้มีผลต่อตลาดจริง แต่เชื่อว่ากระทบระยะสั้น และ ชั่วคราวเท่านั้น ทำให้เราไม่ได้ปรับเป้าหมายดัชนีปีนี้ลง โดยกรอบบนประเมินไว้ที่ 1,670 จุด และ กรอบล่างประเมินไว้ที่ 1,550 จุด แต่หากหลุดกรอบล่างไปแตะที่ 1,530 จุด ก็เป็นจุดที่ควรเข้าทยอยซื้อหุ้น” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่าปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงมาจาก 2 สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลถึงสถานการณ์ดอกเบี้ยสหรัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีแรงเทขายหุ้นในตลาดเกิดใหม่ และ พันธบัตรรัฐบาลไทย ก็ถูกเทขายเช่นกัน
“ดอกเบี้ยไทยคาดว่าคงอยู่ที่เดิม แต่ความเสี่ยงมีมากขึ้น หากดอกเบี้ยสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ในขณะที่โควิดในประเทศก็ต้องติดตามว่าจะรุนแรงแค่ไหน ควบคุมได้หรือไม่ โดยไตรมาส 2 นี้เราเชื่อว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,620 จุด แต่อาจย่อตัวลงมาอยู่ในระดับ 1,500-1,450 จุดได้ ซึ่งหุ้นกลุ่มปิโตรเคมียังน่าลงทุนในช่วงนี้ เช่น IRPC,SCC และKSL” นายกรภัทร กล่าว
อ่านต่อที่นี้ : https://www.efinancethai.com/hotnews/hotnewsmain.aspx?release=y&name=eGcyNndkRUJzWTBCOXBlUlRHSU14QT09
สำนักข่าวอินโฟเควสท์