ห้องเม่าปีกเหล็ก

แม่ทัพใหม่ เครือ CP

โดย poomai
เผยแพร่ :
63 views

‘สุภกิต-ศุภชัย’ แม่ทัพใหม่ เครือ CP

 

เมื่อเจ้าสัวธนินท์ ลาออกจากตำแหน่งประธานของ CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ อาหาร จำกัด


ด้วยเหตุผลที่ว่า มีภารกิจมากขึ้นทำให้ไม่มีเวลาปฏิบัติงานให้กับบริษัทได้อย่างเต็มที่ โดยมีผลในวันที่ 24 เมษายนนี้เป็นต้นไป
 แน่นอนว่าการลาออกของเจ้าสัวธนินท์ ในครั้งนี้มีคำถาม?เกิดขึ้นว่าเพราะอะไร เจ้าสัวธนินท์ ถึงได้ลาออกจาก CPF แม้จะให้เหตุผลไปแล้วก็ตาม
 แม้จะมีกระแสข่าวว่าการลาออกของเจ้าสัว เพื่อเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารจัดการเพราะโลกยุคใหม่ต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัยและรอบรู้เทคโนโลยี เพื่อมาต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจในกลุ่มซีพี บางกระแสก็บอกว่าเจ้าสัวธนินท์ ต้องการทุ่มเวลาให้กับสถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP Leadership Institute ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา


 หลังเจ้าสัวธนินท์ลาออก CPF ได้ประกาศแต่งตั้งนายสุภกิต เจียรวนนท์ ทายาทคนโต เป็นหนึ่งในคณะกรรมการใหม่ ประกอบไปด้วย นายชิงชัย โลหะวัฒนะกุล, นายอดิเรก ศรีประทักษ์, นายพงษ์ วิเศษไพฑูรย์ กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้กลับเข้าเป็นกรรมการอีกวาระหนึ่ง และ แต่งตั้ง นายวินัย วิทวัสการเวช เป็นกรรมการอิสระแทน ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ และ นายสุภกิต เจียรวนนท์ เป็นกรรมการแทนนายมิน เธียรวร ซึ่งพ้นจากตำแหน่งกรรมการตามวาระ

 

ย้อนหลังไปเมื่อปี 2560 เจ้าสัวธนินท์ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะผู้บริหาร และแต่งตั้งนายศุภชัย เจียรวนนท์ ทายาทคนที่ 3 มารับตำแหน่งแทน โดยเจ้าสัวธนินท์ขยับเป็นประธานอาวุโส และแต่งตั้งสุภกิต เป็นประธานกรรมการ และณรงค์ชัย เจียรวนนท์ ทายาทคนที่ 2 เป็นรองประธาน

ทายาททั้ง 3 คนทั้ง สุภกิต ณรงค์ชัย และศุภชัย ผ่านการเคี่ยวกรำและมีประสบการณ์ทางธุรกิจ โดยเฉพาะ“ศุภชัย” โดนบททดสอบอย่างหนักช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 แทบจะล้มละลาย แต่ก็ผ่านพ้นมาได้และพัฒนาเติบโตกลายเป็น บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ในทุกวันนี้
 ขณะที่สุภกิตที่ผ่านมาได้รับบทให้ดูแลธุรกิจและการลงทุนของกลุ่มในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจีนที่ซีพีไปลงหลักปักฐานยาวนาน และเข้าถึงผู้นำระดับสูงของจีนต่อเนื่องมา
 

การวางตัวสุภกิตเป็นกรรมการซีพีเอฟ ซึ่งเป็นเรือธงของกลุ่มที่สร้างรายได้ในสัดส่วนสูง เพื่อรับไม้ต่อในการนำขบวนทัพธุรกิจของซีพีในอนาคต โดยผู้บริหารของซีพีเอฟเองระบุว่า มีเป้าหมายในอีก 5-6 ปีข้างหน้าที่รายได้ซีพีเอฟจะเติบโตจากกิจการในต่างประเทศเป็นหลัก จากปัจจุบันก็ทำรายได้เป็นสัดส่วนสูงถึง 67:33 อยู่แล้ว
 หลังจากเจ้าสัวธนินท์ วางมือส่งไม้ต่อให้ทายาทรุ่นที่ 3 เข้ามาบริหารจัดการธุรกิจในเครือซีพี รวมไปถึง CPF โดยเจ้าสัวธนินท์ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา จะได้ไม่เกิดการยึดติด ซีพี=ธนินท์ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อธุรกิจก็เป็นได้

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


poomai