ห้องเม่าปีกเหล็ก

มองข้ามความ "ผันผวน" ตลาด เป็นโอกาสสะสม 10 หุ้น พื้นฐานดี

โดย ตำรา
เผยแพร่ :
93 views

มองข้ามความ "ผันผวน" ตลาด

เป็นโอกาสสะสม 10 หุ้น พื้นฐานดี

.

ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยผันผวนอย่างมาก โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งถือเป็นแรงกดดันต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยอีกด้วย แต่ถ้าพิจารณาในหุ้นรายตัว พบว่าหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวมี Valuation ต่ำ และกำไรยังเติบโตได้ดี ที่เป็นโอกาสเข้าสะสม

.

โดยหากถอดมุมมองนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มีมุมมองว่า Value Play ทางเลือกสำหรับคนไม่ชอบของแพง ซึ่ง Bloomberg Consensus ปรับประมาณการกำไร SET ลงกว่า 10% ตั้งแต่ต้นปี, การปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท, รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ SET ปรับลดลงกว่า 7% ตั้งแต่ต้นปี

.

อีกทั้งถือว่าเป็นตลาดหุ้นที่ Underperform ตลาดหุ้นหลัก ๆ ทั่วโลกมาก จากความคาดหวังต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ที่ถูกปรับลดลงต่อเนื่อง จาก EPS เมื่อต้นปีที่ 108.1 บาท/หุ้น เหลือ 96.71 บาท/หุ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้ Earning Yield Gap ปัจจุบันอยู่ที่ 3.52% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 3.64%

.

ทั้งนี้แม้อาจดูไม่น่าสนใจนัก แต่ถ้าพิจารณาในหุ้นรายตัว พบว่าหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวมี Valuation ต่ำกว่า -1 Standard Deviation แล้ว ขณะที่กำไรยังเติบโตได้ดี และมีหุ้นหลายตัวถูกปรับกำไรขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับการท่องเที่ยว จึงมองว่าแม้ภาพรวม SET จะยังดูไม่น่าสนใจด้วย Upside ที่จำกัด ทำให้ต้อง "Selective" หุ้นที่มี Valuation ไม่แพง, ปันผลดี มากขึ้น

.

ส่วนการชูนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จากปัจจุบันที่ประมาณ 350 บาท/วัน เป็น 450 บาท/วัน ส่งผลให้หุ้นหลาย ๆ ตัวที่มีต้นทุนค่าแรงสูงปรับลดลงตั้งแต่หลังประกาศผลเลือกตั้ง ซึ่งต้องยอมรับว่าคงเลี่ยงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ แต่การขึ้นค่าแรงอาจไม่ได้เร็ว และไม่กระซากไปที่ 450 บาท/วันในทันที

.

ในทางตรงกันข้ามคาดว่าจะเห็นปัจจัยหนุนจาก 1) ค่าไฟฟ้าที่กำลังลดลง จาก 5.33 บาท/หน่วย ช่วง ม.ค.-เม.ย. เหลือ 4.70 บาท/หน่วย ในช่วง พ.ค.-ส.ค. และคาดว่าจะลดลงอีกในช่วง ก.ย.-ธ.ค.นี้ เป็นการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภคไปในตัว

.

2) เงินเฟ้อเดือนลดลงเร็ว โดยเงินเฟ้อเดือน พ.ค.+0.53% เท่านั้น ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่แข็งแรงทุกกลุ่ม ทำให้ความจำเป็นที่ ธปท. จะขึ้นดอกเบี้ยต่อมีไม่มากแล้ว 3) World Bank ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ขึ้นเป็น 3.9% (เดิม 3.6%) จากท่องเที่ยว-บริโภค แข็งแกร่ง รวมถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน

.

ดังนั้นรายงานฉบับนี้ ฝ่ายวิจัยมองข้ามความ "ผันผวน" จากการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจน ไปที่การ "ซื้อ" สะสม หุ้นที่ 1. Valuation "ไม่แพง" อิงกับค่าเฉลี่ยในอดีต โดยใช้ PE66 เทียบกับค่าเฉลี่ย PE ปี 58-62 (ก่อน Covid)

.

2.กำไรยังเติบโตได้ดี มี Debt to Equity ไม่สูง 3.Valuation ต่ำกว่า -1 Standard Deviation 4. ผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจ มากกว่า 5% ในปี 66-67 ได้แก่

.

1) กลุ่มกำไรเติบโตดี Valuation ถูก ธุรกิจหลักเติบโตได้ดีไม่ว่าจะดำเนินกิจการภายใต้รัฐบาลไหนก็ตาม และมี Valuation "ไม่แพง" ทำให้ราคาหุ้นที่ปรับลดลงหลังเลือกตั้งเป็นโอกาส "ซื้อ" สะสม BEM, CRC, CPALL, AMATA และ SCB

.

2) กลุ่มโรงไฟฟ้า แนวโน้มกำไรฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 66 ขณะที่ Valuation ไม่แพง ชอบ BPP

.

3) กลุ่มหุ้นปันผลสูง เป็นหุ้นกลุ่มที่มูลค่าไม่แพง และมีเบาะรองรับจากปันผลสูงกว่า 5% ชอบ KKP, LH, SAT และ SABINA

 

 

 


ตำรา