จากการที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีนโยบาย " America Great Again " โดยประธานาธิบดี Donald Trump โดยเฉพาะในเรื่องนโยบายกําแพงภาษี ที่เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆในปีนี้คือปี พ.ศ 2561 เป็นต้นไป ผลของนโยบายดังกล่าวข้างต้น น่าจะทําให้นักลงทุนที่ลงทุนในประเทศจีนเกิดการย้ายฐานการลงทุนครั้งใหญ่ออกจากประเทศจีนไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก และประเทศเป้าหมายในการย้ายฐานการผลิตก็น่าจะรวมถึงประเทศไทยด้วย
ประเทศไทยในปัจจุบันกําลังจะเริ่มโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ( EEC ) โดยโครงการแรกคือโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่มีกําหนดการยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 ที่จะถึงนี้ และ น่าจะมีโครงการอื่นๆอีก 4 โครงการในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ( EEC ) ที่จะมีการประมูลและรู้ผลก่อนเลือกตั้งทั่วไปในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562
ผลจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจอีอีซี ( EEC ) และ การย้ายฐานการลงทุนของนักลงทุนจากจีนดังกล่าวข้างต้น น่าจะมีผลทําให้ประเทศไทยกลายเป็น " Thailand Great Again " ( หรือ ประเทศไทยในยุคโชติช่วงชัชวาลครั้งที่ 2 ) โดยรัฐบาลไทยไม่จําเป็นต้องออกแคมเปญใดๆทั้งสิ้น และ " Thailand Great Again " ( หรือ ประเทศไทยในยุคโชติช่วงชัชชวาลครั้งที่ 2 ) ก็น่าจะกลายเป็นความจริงในอีกไม่ช้าไม่นานนี้
อนึ่ง ประเทศไทยเคยผ่าน ยุคแห่งความโชติช่วงชัชวาลครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยเริ่มจากรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ที่ได้วางรากฐานสําคัญไว้คือ โครงการอิสเทร์นซีบอร์ด และมีเหตุการณ์ที่สําคัญคือ ญี่ปุ่นได้ย้ายฐานการผลิตจากประเทศของตัวเองมายังประเทศอื่นๆรวมถึงประเทศไทย เนื่องจาก มีข้อขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐอเมริกาใน Plaza Accord ในปี พ.ศ 2528 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผล ดังนี้ คือ :
1) ประเทศไทยได้เปลี่ยนจากประเทศที่ประชาชนพึ่งพิงรายได้จากภาคเกษตรกรรมมาเป็นประเทศที่ประชาชนพึ่งพารายได้จากภาคอุตสาหกรรม และรายได้ประชาชาติต่อหัวของประชาชนชาวไทยเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ
2) GDP ของประเทศไทยเกิน 10% ติดต่อกัน 3 ปีซ้อนในปี พ.ศ 2531, 2532 และ 2533
3) Set Index ปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดตลาดกาลครั้งแรกระหว่างชั่วโมงการซื้อขายที่ 1,789 จุด เมื่อวันที่ 4 มกราคม ปี พ.ศ 2537
อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้
หมายเหตุ : โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนในสภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com