ห้องเม่าปีกเหล็ก

การบินไทยกับปตท.

โดย natacha
เผยแพร่ :
66 views

          มีข่าวไม่ดีมาทั้งคู่ สำหรับ 2 รัฐวิสาหกิจไทย คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ฐานะการเงินเข้าขั้นวิกฤต และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่มาเจอเอากับผลประกอบการขาดทุนเป็นครั้งแรกในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าให้โอกาสการบินไทย มา 5 ปีแล้ว นัยก็คงจะหมายถึงการให้โอกาสเป็นครั้ง สุดท้ายแหละ ปี 2557 ที่พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจเข้ามา การบินไทย ก็ขาดทุน 1.5 หมื่นล้นบาท ปี 2558 ขาดทุนอีก 1.3 หมื่นล้านบาท ปี 2559 พลิกกลับมากำไรเล็กน้อย 15 ล้าน บาท ปี 2560 ขาดทุน 2 พันล้านบาท และมาปี 2561 กลับมาขาดทุนหนักอีก 1.1 หมื่นล้านบาท ย่างเข้าสู่ปีที่ 6 การครองอำนาจยุคเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธิ์ในปี 2562 การบินไทยก็ขาดทุนหนักอีก 1.2 หมื่นล้านบาท ในความคิดของสล็อตxoคิดว่าหนักมากจึงไม่อาจจะโทษ "รัฐบาลชุดก่อน" เหมือน เช่นที่ผ่าน ๆ มาได้เลย และถ้าพล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่ หยั่งรู้ถึงหายนะการบินไทยจริง ก็คงจะได้เห็นปฏิบัติการกอบกู้เสียแต่ปี-สองปีแรกแล้ว

      สถานะการเงินการบินไทย เข้าขั้นวิกฤตรุนแรงยิ่งนัก สินทรัพย์ก็ปริ่ม ๆ กับหนี้สินคือ 2.5 และ 2.4 แสน ล้านบาทตามลำดับ และผลจากการมีขาดทุนสะสมอยู่ 1.9 หมื่นล้านบาทก็ทำให้ส่วนทุนเหลืออยู่เพียง 11 หมื่นล้าน บาท ใกล้ติดลบเต็มทีแล้ว ผู้สันทัดกรณีคาดการณ์กันว่า ครึ่งปีแรกนี้ การบินไทย อาจจะขาดทุนสูงถึง 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งนั่นก็หมายถึง ส่วนทุนจะติดลบทันที ทงออกที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดและ ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลยก็คือ "การเพิ่มทุน" แต่ปัญหาว่า ใครจะมาเพิ่มทุนล่ะ ไหนจะมีปัญหากระทรวงคลังค้ำประกันเงินกู้ ร หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นเงิน ทุนหมุนเวียน และต้องเพิ่มทุนอีก 8 หมื่นล้านบาท โดย ไม่มี "แผนปฏิบัติการ" ก็มีแต่เสียงโห่ฮา ปัญหาการบินไทย ถ้าช่วยให้ได้รับงินกู้และช่วยเพิ่มทุน ก็แค่ประทังชีวิต แต่จะตายวันหน้า แต่หากตัดสายออกซิเจน ก็จะตายทันทีเลย คงต้องหาหมอมือดี พร้อมมืดคุมกริบ มาผ่าฝีร้ายอย่างเฉียบพลันทันทีแล้ว อนาคตช่างมืดมน ยากจะหาทางออก สถานการณ์ก็บีบ คั้นกระชั้นชิดเข้ามาทุกที่จากภาระหนี้สินที่มีถึง 24 แสนล้าน บาท ในขณะที่ซ่องทางรายได้ ไม่มีทางพอค่าใช้จ่าย มีทางเลือกอยู่แค่ 2 ทางเท่านั้น นั่นคือทางที่ 1 ปล่อย ให้เป็นรัฐวิสาหกิจล้มละลาย ตีทรัพย์ขายทอดตลาดไป หรือ ทางเลือก๊ที่ 2 ยอมปรับลดฐานะรัฐวิสาหกิจลง โดยเชื้อเชิญ กลุ่มทุนใหญ่และมีความเป็นี้มืออชีพเข้ามาบริหาร หากไม่คิดแบบ "แหกกรอบ" แก้ปัญหาการบินไทย ก็ อย่าคิดเอางินภาษีอากรประชชนไปอุ้มดีกว่า อุ้มไปก็ "เสีย ของ" เปล่า ๆ การปลดฐานะการบินไทยให้พ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยกระทรวดลังยังคงถือหุ้นใหญ่อยู่ น่าจะเป็นทางออกที่ ดีที่สุด ส่วนปัญหาของปตท. การขาด

ทุนในไตรมาสแรก เป็นเรื่อง ที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก ครั้งสุดท้ายนจะเกิดขึ้นเมื่อไตรมาส 3 ปี 2558 ที่ปตท.บันทึกด้อยค่างินลงทุนในโครงการ ต่างประเทศถึง 26 หมื่นล้นบาท หรือในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา แต่ผลประกอบการงวดปี ยังไม่พบปรากฎ นับแต่ ปตท. เข้าตลาดตั้งแต่ปี 2544 ผลขาดทุนในไตรมาส 1 ปีนี้เพียง 1554 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไร 293 หมื่นล้านบาท แต่สถานการณ์ปีก่อนกับปีนี้ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่ปีน เศรษฐกิจโลกล่มสลาย จากการเพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับองค์กรขนาดใหญ่อย่างปตท. ที่มีกำไรสะสม ยังไม่ได้จัดสรรถึง 8.35 แสนล้านบาท และส่วนของผู้ถือ หุ้นที่มากถึง 1.27 ล้านล้นบาทนั้นถือว่าเล็กน้อยมาก ๆ สัก 0.1% กว่าเห็นจะได้ แทบจะไม่ได้สร้งความระคาย เคืองอะไรให้ปตท เลย การขาดทุนของปตท.มาจากบริษัทลูกในส่วนของโรง กลั่นน้ำมันและอุตสหกรรมปิโตรเคมี เช่น ไทยออยล์ ไออาร์พีชี PTTGC ซึ่งขาดทุนจากการขาดทุนสต้อกจำนวน มากและค่าการกลั่น ส่วนที่ยังมีกำไรอย่างเช่น PTTEP ก็ เป็นกำไรที่ลดลง คงมีลูกอย่างโรงไฟฟ้า GPSC เท่านั้น ที่บุ๊กกำไรเพิ่ม นอกจากนั้น ก็ยังมีผลกำไรจากการบริหารความเสี่ยง ราคาน้ำมัน ประมาณ 8.40 ล้านบาท ซึ่งก็ช่วยให้ตัวเลข การขาดทุนของปตท. มิได้มากมายอะไรนัก สรุปอาการของปตกยังไม่น่าห่วง ไตรมาส 2 ผล ขาดทุนสต๊อกน่าจะเปลี่ยนเป็นกำไรจากฐานที่ต่ำ และ ยอดขายผลิตภัณฑ์น่าจะดีขึ้นจากสถานการณ์คลายล็อก โควิด-19 ทั่วโลก การบินไทยต้องเปลี่ยนแปลงเพราะสถานการณ์บีบ บังคับ ส่วนปตท.เปลี่ยนแปลงไปตามแผนตั้งรับที่ยึดหยุ่น ไปตามสถานการณ์ และจะกลับคืนสู่การเป็นรัฐวิสาหกิจที่ มีผลกำไรแน่นอน

 


natacha