ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตั๋ว B/E คืออะไร

โดย Yoo
เผยแพร่ :
96 views

ตั๋ว B/E คืออะไร

 

 

              ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาผู้เขียนเริ่มสังเกตว่า ประเด็นเรื่องตั๋ว B/E เริ่มกลับมาเป็นข่าวคราวอีกครั้งหนึ่ง เริ่มตั้งแต่ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) บมจ.เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ (KC) และ บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) บริษัท เอ็นเนอยี่ เอิร์ธ จำกัด มหาชน (EARTH) และยังมีบางบริษัทที่มีแนวโน้มจะผิดนัดชำระตั๋ว B/E อีกในอนาคต ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจใน บจ.อื่นๆ ที่มีการออกหุ้นกู้อีกด้วย

 

               ตั๋วบีอีเป็นประเภทหนึ่งของตั๋วเงิน ตั๋วเงินมี 3 ประเภท ได้แก่ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน และเช็ค ทั้ง 3 ประเภทมีความเหมือนกันตรงที่มีผู้ออกตั๋วหรือผู้จ่ายเงิน และผู้รับเงินตามที่ระบุในตั๋ว เป็นตราสารที่แสดงความเป็นหนี้ จึงเรียกว่าตราสารหนี้ หรือตราสารการเงิน

           

               ทำไมเวลามีปัญหาเป็นข่าวคราว จึงปรากฏแต่ปัญหาของตั๋วบีอีหรือตั๋วแลกเงิน เพราะตั๋วแลกเงินเป็นตั๋วเงินที่เปลี่ยนมือได้โดยการสลักหลังตั๋วและสามารถระบุการสลักหลังด้วยข้อความ “ไม่มีสิทธิไล่เบี้ย” ซึ่งหมายความว่าหากตั๋วครบกำหนด ผู้จ่ายไม่สามารถจ่ายเงินให้ผู้รับเงินตามตั๋วหรือผู้ถือตั๋ว ผู้รับเงินตามตั๋วหรือผู้ถือตั๋วต้องไปเร่งรัดเอาจากผู้ออกตั๋วหรือผู้จ่ายเงินตามตั๋ว หากไม่จ่าย ผู้รับเงินหรือผู้ถือตั๋วไม่สามารถไปไล่เบี้ยเอากับผู้สลักหลัง ยกเว้นไม่ระบุข้อความดังกล่าวหลังตั๋ว ตั๋วแลกเงินจึงเป็นตราสารที่เปลี่ยนมือได้สะดวก มีความคล่องตัวกว่าตั๋วเงินอีก 2 ประเภท ซึ่งสลักหลังหรือเซ็นชื่อหลังตั๋วหรือเช็คแล้วมีความรับผิดชอบเหมือนผู้ ค้ำประกัน ถ้าผู้ออกตั๋วหรือเช็คไม่จ่ายเงิน เมื่อครบกำหนด ผู้ถือตั๋วสามารถไล่เบี้ย เอากับผู้สลักหลังได้

 

ทำไมจึงนิยมออกตั๋วบีอีแทนการออกหุ้นกู้หรือพันธบัตร?

           

ตั๋วบีอีแตกต่างจากหุ้นกู้ซึ่งเป็นตราสารหนี้อีกประเภทหนึ่ง หุ้นกู้ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลากำหนดชำระเงินระยะยาว นิยมออก 3 ถึง 5 ปี การออกหุ้นกู้ขายให้ประชาชนหรือ นักลงทุนต้องมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) ของหุ้นกู้ โดยทั่วไปจะยึดถือว่าหุ้นกู้ ที่น่าจะลงทุนได้ควรมีระดับความน่าเชื่อถืออย่างน้อย BBB

           

การออกตั๋วบีอีส่วนใหญ่มีระยะเวลาครบกำหนดระยะสั้น ไม่เกิน 270 วัน เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าถ้าออกตั๋วขายให้ ประชาชนทั่วไปต้องไม่เกิน 270 วัน แต่ไม่ต้องจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ แต่หากบริษัทมีเครดิตดีและจัดอันดับได้ rating สูงทำให้สามารถจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงได้ เลยเป็นประเด็นที่ที่ปรึกษาการเงินใช้เป็นช่องทางแนะนำบริษัทต่างๆ ให้กู้เงินโดยออกตั๋วบีอี

 

 การระดมทุนระยะสั้นด้วย B/E เป็นทางเลือกที่บริษัทนิยม เพราะทำได้เร็ว มีขั้นตอนไม่มาก และจ่ายดอกเบี้ยต่ำกว่าหุ้นกู้ (เพราะระยะเวลากู้ยืมสั้นไม่ถึงปี) .. โดยอัตราดอกเบี้ย B/E ก็จะแปรตามความน่าเชื่อของบริษัท บริษัทที่มี Credit Rating เมื่อจะออกขาย B/E นักลงทุนก็จะอิงตาม Credit Rating ของบริษัทนั้น ๆ แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะมีการทำ Credit Rating เพราะ 1) การทำนั้นมีต้นทุน เพราะต้องจ้างให้ Rating Agency เข้ามาวิเคราะห์สถานะบริษัท และออกรายงาน ต่อให้สถานะแข็งแกร่ง ก็อาจจะไม่อยากเสียเงินส่วนนี้ และ 2) บางบริษัทรู้ว่า Credit Rating ตัวเองจะแย่ ทำไปก็ไม่สวย ต้นทุนดอกเบี้ยก็จะสูง จึงไม่ทำ  B/E ที่ออกมาโดยไม่มี Credit Rating กำกับมาด้วย จะเรียกว่า Non-rated B/E หรือ ตั๋วแลกเงินที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Non-rated B/E ไม่สามารถขายให้ประชาชนรายย่อยธรรมดาได้โดยตรง ต้องขายให้สถาบัน หรือ นักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) เท่านั้น ด้วยเชื่่อว่าเป็นนักลงทุนกลุ่มที่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือได้เอง และรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้  Non-rated B/E ที่ขายให้สถาบัน จะรวมถึงการขายกองทุนรวมด้วย และกองทุนรวมสามารถทำกองทุนที่มี Non-rated B/E  มาขายต่อให้ “นักลงทุนทั่วไป  เท่ากับ นักลงทุนใด ๆ สุดท้ายแล้วก็มีโอกาสเจอ Non-rated B/E ได้เช่นกัน ผ่านการซื้อกองทุนรวม

 

 

ความเสี่ยงของการลงทุนในตั๋วบีอี

           

              ความเสี่ยงหลักของการลงทุนในตั๋วบีอี หรือลงทุนซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่ลงทุนในตั๋วบีอีคือ ผู้ออกตั๋วไม่สามารถชำระหนี้บางส่วนหรือทั้งหมดเมื่อตั๋วครบกำหนด สาเหตุของความเสี่ยงมีหลาย ประเด็น กล่าวคือ (1) อาจเกิดมาจากเจ้าหน้าที่ บลจ. ขาดความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในการวิเคราะห์โอกาสหรือความสามารถชำระหนี้ของผู้ออกตั๋ว คำนึงแต่เรื่องรายได้ที่มีโอกาสได้รับจากธุรกรรมประเภทนี้ (2) มาจากผู้ลงทุนที่ขาดความรู้ความเข้าใจความเสี่ยง คำนึงถึงแต่ผลตอบแทนที่ดีกว่าฝากธนาคารและเชื่อในคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ บลจ. (3) มาจากผู้ออกตั๋วที่มองเพียงโอกาสได้กู้ยืมเงินที่ต้นทุนต่ำโดยไม่คำนึงถึงโอกาสหรือความสามารถชำระหนี้ เมื่อตั๋วครบกำหนดและผู้ลงทุนไม่ต้องการลงทุนต่อ

           

                ทั้งนี้ผู้ออกตั๋วไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบของชื่อเสียงที่ตามมา ที่เลวร้ายคือส่งผล กระทบความน่าเชื่อถือโดยรวม เจ้าหนี้อื่นอาจเรียกเงิน คืนหรือระงับการใช้วงเงินกู้ ทำให้ขาดสภาพคล่อง ธุรกิจอาจล้มเหลว ราคาหุ้นตก กระทบผู้ลงทุนอื่นๆ ในวงกว้าง 

 

                 อย่างไรก็ตามด้วยมูลค่าของตั๋วบีอีที่เกิดปัญหา คิดเป็นเพียงไม่ถึง 0.05% ของตราสารหนี้ทั้งระบบ ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย สิ่งที่นักลงทุนต้องทำในขณะนี้ คือการตัดสินใจลงทุนบนความเข้าใจ ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยต้องวิเคราะห์พื้นฐานของบริษัทให้ละเอียดถี่ถ้วนและไม่ตื่นตระหนกไปกับสถานการณ์จนเกินไป เนื่องจากยังมีบริษัทที่ออกตั๋วบีอีหลายแห่ง (อาจรวมถึงตั๋วบีอีที่นักลงทุนถือครองอยู่) มีผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตได้ เพียงแต่ไม่สามารถหาเงินก้อนใหญ่มาชำระคืนหนี้ได้ในเวลาอันสั้น ทั้งนี้ผู้ลงทุน ต้องทำการวิเคราะห์อย่างรอบคอบจนมั่นใจได้ว่าเป็นบริษัทที่ดีอย่างแท้จริง และต้องไม่ตัดสินใจลงทุนในทางเลือกที่เกินกว่าระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ 

 

 

 

 

- Yoo -

อ้างอิง : www.thailandinvestmentforum.com , www.moneychannel.co.th , www.thaipost.net

 

           


Yoo