PRTR เปิดเทรดครั้งแรก พุ่งกว่า 23%
โบรกฯ ให้ราคาเหมาะสม 9.10 บาท
มองกำไรปีนี้โต 19% ขยายตัวตามการจ้างงาน
.
PRTR เปิดราคาซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ 8.90 บาท เพิ่มขึ้น 23.61% จากราคาไอพีโอที่ 7.20 บาท ด้านโบรกฯให้ราคาเหมาะสม 9.10 บาท ชี้ธุรกิจมีความน่าสนใจโตได้แม้วิกฤตเศรษฐกิจ พร้อมมองกำไรปีนี้โต 19% ขยายตัวตามการจ้างงาน
.
นางสาว ริศรา เจริญพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีอย่างยิ่งที่หุ้น PRTR เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเชื่อมั่นว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนให้บริษัทก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจการให้บริการที่ครบวงจรด้านทรัพยากรบุคคล (Total HR Solutions) ครอบคลุมการให้บริการสรรหาพนักงาน การจัดจ้างพนักงาน การจัดทำเงินเดือนและบริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
.
โดยบริษัทได้วางกลยุทธ์เพื่อต่อยอดโอกาสการเติบโตใหม่ (New S-Curve) ด้านการพัฒนาบุคลากรและจัดหาเทคโนโลยีเพื่อรองรับการทำงานด้านทรัพยากรมนุษย์อย่างครบวงจร ตอบโจทย์การสนับสนุนการดำเนินกิจการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม ส่งเสริมการจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมกับพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
.
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 1,042 ล้านบาท เตรียมนำไปใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตและการขยายธุรกิจ ขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาส เช่น กลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว และกลุ่มไอที สนับสนุนการเติบโตของ PRTR ทั้งแบบการเติบโตจากภายในและการเติบโตจากภายนอก
.
ด้านบทวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่าธุรกิจของ PRTR มีความน่าสนใจ บริษัทมีรายได้ประจำและยังเติบโตต่อเนื่อง แม้เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ โดยคาดกำไรปกติปี 2566 ที่ 238 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 19% และปี2567 ที่ 298 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 25%
.
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจลูกค้าหลังจบวิกฤต COVID-19 การเปิดประเทศ ซึ่งจะมีการขยายธุรกิจและจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยคาดรายได้จากธุรกิจให้บริการสรรหาบุคลากร จะเติบโตจากปีก่อนหน้าราว 30% เป็น 315 ล้านบาท และธุรกิจบริหารจัดจ้างพนักงาน จะเติบโตจากปีก่อนหน้า 11% เป็น 6,505 ล้านบาท
.
ขณะที่รายได้เสริมจากธุรกิจใหม่ “Blacksmith” ซึ่งประกอบธุรกิจฝึกอบรมออนไลน์ และ “Nexmove” ให้บริการแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ คาดจะมีรายได้ในปี 2566 ราว 60 ล้านบาท และ 30 ล้านบาท และอัตราการเติบโตของทั้งสองธุรกิจ เฉลี่ย 20%ต่อปี ในช่วง 2 ปีข้างหน้า จึงทำให้ประเมินราคาเหมาะสมที่ 9.10 บาท