ห้องเม่าปีกเหล็ก

เกาะติดหุ้น-ค่าเงิน-ทองคำ

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
48 views

ลุ้นตัวเศรษฐกิจทั้งใน-ตปท. หนุนหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ1,500 จุด

ตลาดลุ้นตัวเลขเศรษฐกิจทั้งและต่างประเทศ แม้เผชิญแรงขายนักลงทุนต่างชาติ หวังหนุนดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแนวต้าน1,520จุดและแนวรับ1,470จุด ขณะที่ เงินบาทเคลื่อนไหวกรอบแคบ 29.90-30.30 บาทต่อดอลลาร์ และราคาทองยังมีแรงซื้อเข้าสู่ตลาดเมื่อราคาอ่อนตัวลง

ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้(1-5..64) หุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,496.61 จุดเพิ่มขึ้น 2.02% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 78,305.73 ล้านบาท ลดลง 10.57% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.82% มาปิดที่ 369.95 จุด

ภาพรวมหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนและเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ แม้จะเผชิญกับแรงเทขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเกือบตลอดสัปดาห์ก็ตาม โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศในระหว่างสัปดาห์ซึ่งออกมาดีกว่าคาด อาทิ เครื่องชี้ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงตัวเลขตลาดแรงงานเดือนม.ตลอดจนความพยายามในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่หุ้นหลายกลุ่มปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและพลังงาน

ด้านนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,671.29 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 42.55 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 181.86 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,810.60 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายรวม 79,352.02 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย คาดในสัปดาห์ถัดไป (8-12 ..) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,485 และ 1,470 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,510 และ 1,525 จุด ตามลำดับ

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ผลประกอบการงวดไตรมาส4/63 ของบจไทย ความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.และตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ของจีน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม..ของญี่ปุ่น รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.. 63 ของยูโรโซน

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทขยับอ่อนค่าเล็กน้อย โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ ขณะที่มติของกนงซึ่งคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% มีผลต่อเงินบาทในกรอบจำกัด เนื่องจากเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดีเงินบาททยอยอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าที่คาด และความหวังต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โจ ไบเดนส่งสัญญาณเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนสหรัฐฯ

ในวันศุกร์ (5 ..) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.09 เทียบกับระดับ 29.94 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 ..)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (8-12 ..)  ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 29.90-30.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของประธานเฟด และสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.. (เบื้องต้นนอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามข้อมูลเดือนม.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต ด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมานี้  ปิดที่ 1,808.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 25,880 บาทต่อบาททองคำ

ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐแถลงว่า สหรัฐจะเสริมสร้าง"ความแข็งแกร่งด้วยการสานสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรเพื่อให้สามารถแข่งขันกับจีนและรัสเซียในเวทีโลกได้รัฐบาลสหรัฐจะมีการประเมินท่าที่ทางการทหารของสหรัฐต่อประเทศทั่วโลกใหม่อีกครั้ง หลายฝ่ายมองว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนที่ไม่ราบรื่น ขณะที่กองทัพจีนระบุว่า สหรัฐจงใจ"สร้างความตึงครียดขัดขวางสันติภาพและเสถียรภาพ หลังเรือรบสหรัฐล่องผ่านช่องแคบไต้หวันที่มีความอ่อนไหวความไม่แน่นอนดังกล่าว ได้สร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำเมื่อราคาอ่อนตัวลง

ทั้งนี้ ราคาทองคําพยายามทดสอบแนวต้านโซน 1,811-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจจับตาว่าจะผ่านได้หรือไม่ หากไม่ผ่านอาจได้เห็นการตัวลงทดสอบแนวรับโซน  1,784-1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม หากราคาสามารถผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปเหนือโซน 1,844ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้  ยังคงเน้นการเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง หากหลุดแนวรับระวังการปรับตัวย่อลง เพื่อทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจจำเป็นต้องขายตัดขาดทุน และแบ่งขายบางส่วนเมื่อราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่หากราคาผ่านแนวต้านได้สามารถถือต่อเพื่อรอขายที่แนวต้านถัดไป

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น