ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตลาดเงินตลาดทุนไทยผวา”Libra”

โดย dave
เผยแพร่ :
64 views

แวดวงตลาดเงินตลาดทุนไทยผวา”Libra”

 

แวดวงตลาดเงินตลาดทุนระดมสมองรับมือ “Libra” คาดผลกระทบในวงกว้างเกิดขึ้นแน่ แต่ยังมองไม่ชัดเจน 

แวดวงตลาดเงินตลาดทุน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจัดเสวนา “Libra คืออะไร ? มาทำไม ? มาแทนใคร ?” ซึ่งถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสกุลเงินดิจทัลใหม่ของโลกที่คาดว่าจะเริ่มใช้ในปีหน้า

แม้ว่าการเสวนาครั้งนี้ยังมองต่างกันในหลายประเด็น แต่ความกังวลที่เกิดขึ้นในแวดวงตลาดเงินตลาดเงินตลาดทุน คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งยังเป็นเรื่องยากในการประเมิน และเป็นการระดมสมองครั้งใหญ่ของคนในแวดวงการเงิน

Libra คืออะไร และ ไทยจะมีข้อกฏหมายรองรับอย่างไร ?

สำหรับสกุลเงิน Libra เป็นสกุลเงินที่เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Facebook เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างสกุลเงินดังกล่าว โดยประกาศเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการ โดยการรวมตัวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุคดิจิตอลอีก 28 บริษัทโดยแต่ละบริษัทร่วมลงทุนบริษัทละ 300 ล้านบาท ในการสร้างระบบรวมถึงจัดสรรคนและตั้งบริษัทไม่แสวงผลกำไรที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเป็นสกุลเงินของโลก

โดยผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องขอเอกสารจากหน่วยงานราชการที่ให้การสนับสนุนสกุลเงิน Libra และนำเอกสารดังกล่าวเข้าไปยืนยันผ่านทางแอพพลิเคชั่นเพื่อทำการซื้อขายและใช้สกุลเงินดังกล่าวในการแลกเปลี่ยนสินค้ารวมถึงชำระหนี้ ในหน่วยงานต่างๆที่รองรับสกุลเงินนี้

วิธีการทำงานของสกุลเงิน Libra จะใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาทำการควบคุม โดย Facebook ระบุว่า สามารถรองรับผู้ใช้งานหลายพันล้านคนได้ และสามารถระบุแหล่งที่มาของเงินดังกล่าวได้

แต่ทั้งนี้หลายหน่วยงานก็ยังมีความกังวลในเรื่องความโปร่งใสซึ่งช่องโหว่ดังกล่าวอาจทำให้เป็นช่องทางของอาชญากรในการฟอกเงินผ่านช่องทางดังกล่าว ซึ่งคาดการณ์ว่าสกุลเงินดังกล่าวจะประกาศใช้ในปี 2020

หากเปรียบเทียบง่าย ๆ การใช้งานของสกุลเงิน Libra วิธีการใช้คล้ายๆกับการสแกน QR Code ผ่านระบบพร้อมเพย์ของประเทศไทย

อ่าน : สุพริศร์ สุวรรณิก มอง Libra สกุลใหม่ของโลก

 

นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.กสิกรไทย มองว่า เทคโนโลยี Blockchain จะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถทำให้นำผู้ที่เราไม่ไว้วางใจเข้ามาอยู่ในระบบให้สามารถมีการตรวจสอบได้ เพราะทุกข้อมูลที่นำมาเข้าสู่ระบบดังกล่าวจะต้องระบุแหล่งที่มาได้ ซึ่งไม่เฉพาะเพียงค่าเงินต่างๆเท่านั้น แต่มีการปรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต

สำหรับประเทศไทยมีการจัดตั้งบริษัท BCI เพื่อทำการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล ปัจจุบันการเข้ามาของสกุลเงินดิจิทัลเข้ามามีผลต่อธนาคารที่ทำการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆโดยมีค่าธรรมเนียม แต่คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นคือสกุลเงิน Libra จะสามารถเข้ามาสร้างผลกระทบต่อธนาคารต่างๆได้หรือไม่ ?

อ่าน : แบงค์ชาติกำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของไทยเอง

นายเฉลิมรัฐ นาควิเชียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม GMO Z-Com Cryptonomics Co.,Ltd.มองว่า ปัจจุบันเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสกุลเงินดิจิทัลและสกุลเงินของชาติปกติมีความแตกต่างกันอย่างไร สำหรับสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินที่โอนเงินโดยไม่ผ่านตัวกลาง อาทิ ธนาคาร , ภาครัฐ หรือแม้กระทั่ง ป.ป.ง. ซึ่งสิ่งที่จะเข้ามาสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสกุลเงินที่จะเท่าเรานี้นั่นคือเทคโนโลยี Blockchain ที่สามารถ ระบุที่มาได้อย่างชัดเจน แต่ไม่เปิดเผยข้อมูลให้กับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง

ขณะที่แอพลิเคชั่น True wallet หรือ Blue pay เป็นเพียงตัวกลางในการจ่ายเงินแต่ยังคงต้องผ่านธนาคารกลางและรายงานต่อภาครัฐเช่นเดิม

สำหรับมูลค่าการซื้อขายของสกุลเงิน bitcoin มีมูลค่าสูงถึงวันละ 1 ล้านล้านบาทขณะที่ตลาดหุ้นไทย มีมูลค่าเพียง 50,000 ล้านล้านบาทต่อวัน เท่านั้น ซึ่งหากมอง สกุลเงินดิจิทัล bitcoin เป็นเพียงคลื่นลูกแรกของการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเท่านั้น ซึ่งสกุลเงิน Libra เข้ามาแก้ไขปัญหาของสกุลเงินบิทคอยน์ในช่วงแรก

นางสาวทิพย์สุดา ถาวรามร ประธานสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทย มองว่า เราพูดถึงแต่ความหมายและความเป็นมาของสกุลเงินแต่มีจำนวนน้อยมากที่พูดถึงด้านกฎหมาย ซึ่งหากมองดูตามกฎหมาย พ.ร.บ.ทรัพย์สินดิจิทัล ใหม่ของประเทศไทยจะพบว่าสกุลเงิน Libra สำหรับประชาชน จะตรงกับรูปแบบของ สินทรัพย์ดิจิทัล

แต่ส่วนตัวมองว่า ไม่น่าจะมีเสถียรภาพพอที่จะเป็นสินทรัพย์เพื่อการเกร็งกำไร จน ก.ล.ต. ต้องเข้ามากำกับดูแล เพราะไม่ใช่การระดมทุน คำถามคือนามสกุลเงินนี้จะอยู่ภายใต้กฎหมายใด ? แล้วจะอยู่ภายใต้กฏหมายนั้นหรือไม่ ?

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและประธานผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มองว่า นามสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนสูง ดังนั้นสกุลเงิน Libra จึงพยายามสร้างความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพด้วยการนำสกุลเงินต่างๆเข้ามาสร้างเสถียรภาพ และสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองคือจะทำอย่างไรให้ Libra เป็นมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือในระดับโลกได้

อ่าน : 7 คำถามเกี่ยวกับสกุลเงิน Libra

Libra จะมีเสถียรภาพจริงหรือไม่ ? แล้วทำไมสภาคองเกรสของสหรัฐ ถึงคัดค้านก่อนธนาคารกลาง ?

“สกุลเงิน Libra จะ สามารถเป็นสกุลเงินของโลกได้หรือไม่ ? แล้วสกุลเงินนี้จะมีเสถียรภาพมากกว่า bitcoin หรือไม่แล้วจะมีเสถียรภาพพอที่จะทำให้ค่าเงินไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนค่าเงินต่างๆปัจจุบันหรือไม่ ?” นายภากร ตั้งคำถาม

นายศีลวัต ตั้งคำถามเสริมว่า แผนที่จะนำสกุลเงินต่างๆมาอยู่ในตระกล้าเดียวกัน และรวมเป็นสกุลเงินของโลก สามารถที่จะมีเสถียรภาพให้กับประเทศอื่นๆทั่วโลกได้จริงหรือไม่ ? คำถาม คือ ทำไมสหรัฐถึงเป็นผู้ริเริ่มและร่วมมือกับยุโรป ขณะที่คนแรกที่ “คาดว่าจะคัดค้าน” สกุลเงินดังกล่าว คือ ธนาคารกลาง แต่กลับกลายเป็นว่าสภาคองเกรสของสหรัฐเป็นผู้คัดค้านซึ่งสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงอื่นๆหรือไม่ ?

ด้านนายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ดำเนินรายการในครั้งนี้ระบุว่าอยากให้ประชาชนที่กำลังสนใจและศึกษาสกุลเงินดังกล่าวอย่าเพิ่งตัดใจเชื่อและศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆเพิ่มมากขึ้นในการเสวนาครั้งนี้เป็นเพียงความคิดเห็นและข้อมูลจากหน่วยงานที่ตนเองรับผิดชอบดังนั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินอีกครั้งหนึ่งว่าจะเชื่อมั่นและใช้สกุลเงินดังกล่าวหรือไม่ ?

นายภากร มองว่าส่วนตัวการเกิดขึ้นของ Libra เป็นการเปลี่ยนความเป็นมาของสกุลเงินอย่างสิ้นเชิง ที่จะมาทดแทนธนาคารพาณิชย์อย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญ คือ Libra สามารถที่จะใช้ได้ข้ามพรมแดนทั่วโลก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ที่กำกับดูแลจะมองอย่างไร ? ทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแม้กระทั่งตลาดหลักทรัพย์จะเข้ามาควบคุมและพัฒนาปล่อยให้เกิดการพัฒนาไปในระดับใดและอีกคำถามนึง คือ ปัจจุบันเราพร้อมแล้วหรือยัง ? การทำอย่างไรให้ประเทศกลุ่ม CLMV สามารถที่จะแก้ไขปัญหาการโอนเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะปัจจุบันหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้น คือ สกุลเงินที่มีมูลค่าแตกต่างกัน

ความเสี่ยงถ้า Libra เดินเกมช้า อาจโดนเขย่าค่าเงินแบบ จอร์จ โซรอส

นายเฉลิมรัฐ นาควิเชียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม GMO Z-Com Cryptonomics Co.,Ltd.ระบุว่า ปัจจุบัน Facebook อยู่ในจุดอิ่มตัวเนื่องจาก Facebook เป็นบริษัทสื่อที่ไม่มีเนื้อหาเป็นของตนเองและมีรายได้มาจากการโฆษณาแต่ปรากฏว่า มูลค่าที่ได้ตอบกลับมาจากการจ่ายเงินให้กับ Facebook ต่ำกว่าใช้เงินให้กับโทรทัศน์อีก

ขณะที่ตัดฟอร์มอื่นๆของ Tencent เดิมทำแอพพลิเคชั่น WeChat ก็มีการพัฒนาเป็น แอพพลิเคชั่นทางการเงิน ดังนั้นจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ Facebook ต้องการที่จะพัฒนาต่อ

สิ่งหนึ่งที่จะทำให้สกุลเงิน Libra ก็มองว่าจะต้องเดินเกมเร็วเพราะถ้าหากทำการเปิดสกุลเงินดังกล่าวในบางประเทศก็จะทำให้มีกลุ่มนักลงทุนเข้าไปเก็งกำไรและเมื่อต้องการที่จะทำลายเสถียรภาพเพียงแค่เทขายสกุลเงินดังกล่าว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของ จอร์จ โซรอส ที่ทำการแบ่งกำไรค่าเงินบาท รวมถึงสกุลเงินต่างๆจนเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบันบริษัทที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาสกุลเงิน Libra ก็ต้องมีกฎเกณฑ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นการนำเงินเข้าไปลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เข้าถึงลูกค้าอย่างน้อย 20 ล้านคน และติดอันดับ 1 ในร้อยของโลกในสายงานธุรกิจนั้นๆ ประเทศไทยก็มีอยู่หลายบริษัทที่ ผ่านกฎเกณฑ์เหล่านั้นได้และเข้าไปลงทุนได้

“แล้ว Bitcoin จะหายไปหรือไม่ ? ผมมองว่าการเข้ามาของ Libra จะทำให้สกุลเงินดิจิตอลต่างๆเติบโตแบบก้าวกระโดด และ Libra ไม่ได้มาแทน Bitcoin แต่มันจะถูกเปลื่ยนเป็น ทองคำดิจิทัล ถามว่าทองคำถูกปั่นราคาได้หรือไม่ ? คำตอบคือได้ แต่ทำได้ยาก ซึ่งหาก Libra สามารถสร้างเสถียรภาพได้แล้วจะสร้างความน่าเชื่อถือได้หรือไม่ ?” นายเฉลิมรัฐกล่าว

รัฐบาลจะยอมให้ Libra เข้ามาควบคุมมูลค่าผลิตภัณฑ์ของประเทศหรือไม่ ?

นายธีรนันท์ ศรีหงษ์ ประธานคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ตั้งขอสังเกตุสมมุติว่า Libra มีเสถียรภาพ ธนาคารจะได้รับผลกระทบแน่นอน แค่มากน้อยแค่ไหน ? ซึ่งธนาคารเดิมถูกผูกพันธ์อยู่กับระบบการเงินแบบเก่า มีต้นทุนสูง จนทำให้สามารถควบคุมค่าธรรมเนียมได้ แต่การเข้ามาของเทคโนโลยี Blockchain จะทำให้ปัญหาต้นทุนในส่วนนี้ถูกแก้ไขไปและธนาคารก็จะได้รับผลกระทบไป ในเมื่อไม่มีผู้ควบคุม อาจทำให้สกุลเงินดังกล่าวถูกใช้ในทางที่ผิดได้ ปัจจุบันแต่ละประเทศที่ทำนั้นก็ คือ การรวมศูนย์กลางเข้าไว้ด้วยกัน

ขณะที่อีกหนึ่งส่วนที่จะได้รับผลกระทบ.คือ “รัฐบาล” และปัญหาคือรัฐบาลจะยอมให้สกุลเงินดังกล่าวเข้ามาส่งผลต่อมูลค่าผลิตภัณฑ์ภายในประเทศหรือไม่ หรือรัฐบาลจะเปลี่ยนไปในรูปแบบที่ไม่ได้คุมทุกอย่างเหมือนในอดีตอีกต่อไป ?

นายศีลวัต  มองว่า การเกิดขึ้นของ Libra ไม่ใช่สิ่งแรกที่สร้างผลกระทบต่อธนาคาร แต่เกิดจากสภาพแวดล้อมในการโอนเงินของประชาชนเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านระบบดิจิทัล หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีปัจจุบันพบว่ากิจกรรมทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลมีการเพิ่มมากขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของธนาคารซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ระบบของธนาคารต่างๆ มีปัญหาอยู่เป็นระยะ

“ธนาคารที่เจ๊ง คือธนาคารที่ไม่ปรับตัว” นายศีลวัต กล่าว

ด้าน ดร.เฉลิมรัฐ นาควิเชียร ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศจีน ประกาศสร้างสกุลเงินดิจิทัล แข่งกับ Libra แล้ว

 

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Libra ทั้งหมด กดที่นี่

 

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave