มิตซูบิชิ เอสเตท เข้าถือหุ้น เซ็นทรัล วิลเลจ 30%
เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ดึงบริษัทใหญ่ต่างชาติ มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย
บริษัทอสังหาฯ ระดับโลก ลงนามเซ็นสัญญาเข้าถือหุ้นในโครงการ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย ในสัดส่วน 70:30
โดย CPN ถือหุ้นใหญ่ ดึงเม็ดเงินกว่า 1,000 ล้านบาทเข้าสู่ประเทศไทย
ยกระดับลักชูรี่เอาต์เล็ตเทียบชั้นเอาท์เล็ตระดับโลก โดยเฉพาะเอาท์เล็ตยอดนิยมในญี่ปุ่น
ความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจ เฟสแรก หลังจากเปิดดำเนินการ
ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีร้าน Luxury Brand Outlet สาขาแรกของไทยเปิดครบเกือบ 100%
อาทิ Coach, Club21 (Outlet by Club 21), Ermenegildo Zegna, Kate Spade New York, Kenzo, MAX&Co., Michael Kors, Polo Ralph Lauren, Salvatore Ferragamo
มียอดขายและทราฟฟิกเป็นไปตามเป้า โดยกระตุ้นการจับจ่ายต่อเนื่องด้วยการเพิ่มส่วนลด on-top ให้กับสินค้าแบรนด์เนมจากที่ลดปกติทุกวัน 35-70% ตลอดทั้งปี
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPN กล่าวว่า
'วันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งได้สะท้อนนโยบายของบริษัทฯ ในการแสวงหาพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ'
การผนึกกำลังกับมิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย พันธมิตรบิ๊กอสังหาฯ ของญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจได้ใน 3 ประการ ได้แก่
1) การนำเอา Know-How และประสบการณ์ของมิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย บริษัทระดับโลก
ซึ่งมีความแข็งแกร่งในการให้บริการ รู้จักลูกค้าและตลาดภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกเป็นอย่างดี
มาร่วมพัฒนาการบริหารงานและการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์เทียบชั้นเอาท์เล็ตชื่อดังระดับโลก รวมทั้งเอาท์เล็ตในประเทศญี่ปุ่น
2) ช่วยส่งเสริมจุดแข็งในการนำแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงแบรนด์ญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมของคนไทย มาเสริมความครบครันของเซ็นทรัล วิลเลจ
3) ช่วยดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในประเทศไทยมาชอปปิงที่โครงการ เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
นายยูทาโร โยซุซูกะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย กล่าวว่า
'การร่วมลงทุนในโครงการนี้ จะทำเป็นส่วนหนึ่งในการรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย
โดยบริษัทฯ คำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก ในการตัดสินใจเลือกลงทุนกับซีพีเอ็นและโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ คือ'
1) ศักยภาพประเทศไทยที่แข็งแกร่ง ทั้งด้านโอกาสทางการลงทุน การสนับสนุนของภาครัฐจากโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการท่องเที่ยว
ตัวเลขการท่องเที่ยวที่เติบโตถือเป็นเบอร์หนึ่งของภูมิภาคอาเซียน โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2562 จะเติบโตได้ประมาณ 4% รวมถึงมีสัญญาณบวกจากการที่นักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มกลับเข้ามา และการเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดีย
2) เชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญ CPN ผู้นำเบอร์ 1 อสังหาฯ ของไทย ซีพีเอ็น เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าองค์กรสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในธุรกิจศูนย์การค้าของไทย
3) ความสำเร็จของ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ด้วยโลเคชั่นของโครงการที่ใกล้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิที่มีนักเดินทางมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองอันดับต้นๆ ที่น่าท่องเที่ยวที่สุดของโลก
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติที่มีเข้ามาลงทุนมากติดอันดับ TOP 3 ของไทย
และเป็นอันดับ 1 ใน EEC ด้วยเม็ดเงินกว่า 100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของการลงทุนในพื้นที่ EEC ทั้งหมด
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก