เปิดคาดการณ์เงินปันผล
หุ้นกลุ่ม “ธนาคาร” ประจำปี 66
.
หุ้นธนาคารของไทย เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นทีมข่าว Wealthy Thai จึงได้รวบรวมคาดการณ์เงินปันผลประจำปี 2566 ของหุ้นธนาคารมาฝากนักลงทุนแล้ว
.
มาเริ่มกันที่ SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า SCB เป็นธนาคารที่มีความโดดเด่นในเรื่องของผลดำเนินงาน หลังล่าสุดมี ROE กลับมาที่ระดับ 10% ครั้งแรกในรอบ 3 ปี และมีแนวโน้มเร่งขึ้นต่อตามสัดส่วนการเติบโตของธุรกิจใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
.
ขณะที่ Credit Cost ที่เพิ่มขึ้นมองว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวลและไม่สูงจนรบกวนการเติบโตของผลงาน โดยให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 140 บาท แนะนำ “ซื้อ” และยังให้เป็น Top Pick ของกลุ่มธนาคาร คาดปี 2566 จ่ายปันผล 6.66 บาท
.
ถัดมา KBANK โดยนักวิเคราะห์ค่ายดังกล่าว มีความเห็นว่า มองช่วงสั้นอาจมีแรงขายจากความกังวลต่อแนวโน้มการตั้งสำรองที่นานกว่าคาด โดยผู้บริหารระบุว่าการ ตั้งสำรองในปี 2567 แม้มีทิศทางลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งต้องรอถึงปี 2568 การตั้งสำรองถึงจะลดลงสู่ระดับปกติ
.
โดยมองว่าราคาหุ้นที่ Underperform กลุ่มในช่วงที่ผ่านมา ได้ตอบสนองเชิงลบต่อประเด็นดังกล่าวไปมากพอสมควรแล้ว ปัจจุบันมี Valuation น่าสนใจซื้อขาย ให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 167 บาท แนะนำ “ซื้อ” คาดปี 2566 ปันผล 4 บาท
.
ถัดมา BBL นักวิเคราะห์ค่ายเดียวกันมองว่า BBL เป็นธนาคารที่มีจุดเด่นเรื่องความระมัดระวังและมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรง อีกทั้ง Valuation ปัจจุบันซื้อขายด้วย P/BV ปี 2566 ต่ำเพียง 0.6 เท่า โดยให้มูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2566 ที่ 190 บาท แนะนำ “ซื้อ” คาดปี 2566 ปันผล 5.60 บาท
.
ต่อกันที่ KTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คงคําแนะนํา "ซื้อ" ปรับมูลค่าพื้นฐานเป็น 23 บาท สะท้อนงบดุลที่ยืดหยุ่นดี พร้อมกับคุณภาพสินเชื่อที่แข็งแกร่ง แนวโน้มการเติบโตที่มั่นคงใน ปี 66-67 รวมทั้งการขยายตัวของ NIM จากดอกเบี้ยขาขึ้น และศักยภาพในการสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มดิจิทัลแบงก์กิ้ง พร้อมกับคาดปี 2566 ปันผล 0.79 บาท
.
BAY นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ปรับเรทติ้งขึ้นสู่ OUTPERFORM และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นสู่ 38 บาท เพื่อสะท้อนการ ปรับประมาณการกําไรเพิ่มขึ้นและการปรับปีฐานที่ใช้ประเมินมูลค่าเป็นปี 2567 พร้อมคาดเงินปันผลปี 2566 ที่ 0.93 บาท
.
TTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่ 1.7 บาท เพราะคาด ROE ปี 66-68 ปรับขึ้นที่ 7.0-7.3% จากปี 65 ที่ 6.6% รวมทั้งผลกระทบเชิงลบเรื่องค่าใช้จ่ายสำรองจำกัด และ การทำ Ecosystem play และ Efficiency improvement คาดว่าเห็นผลบวกต่อกำไรสุทธิในระยะกลางถึงยาว โดยคาดปี 2566 ปันผลราว 0.08 บาท
.
TISCO โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มอง TISCO ยังมีปัจจัยกดดันจาก NIM ที่ขยับขึ้นได้ยากเพราะสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสัญญาดอกเบี้ยคงที่ ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะส่งผ่านต้นทุนให้กับลูกหนี้แต่ด้วยการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่ม High Yield ที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดจะช่วยชดเชยปัจจัยลบดังกล่าวได้
.
อีกทั้ง TISCO มีคุณภาพของสินทรัพย์ที่แข็งแรงช่วยจำกัดความเสี่ยงที่จะมีการตั้งสำรองเร่งตัวขึ้นในช่วงสั้น ให้มูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2566 ที่ 116 บาท และคาดจ่ายปันผลราว 8.1 บาท Div. Yield อีก 8.4% (จ่ายปันผลปีละ1 ครั้ง) แนะนำ “ซื้อ”
.
สุดท้าย KKP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า แม้ช่วงสั้นคาด KKP จะเผชิญกับแรงขาย หลังผลงานไตรมาส 2/66 ออกมาต่ำคาดมาก และมีความกังวลต่อ NPL ที่ขยับขึ้น แต่ด้วยราคาหุ้นที่ Underperform มานาน โดยให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 77.50 บาท รวมถึงคาดจะมี Div. Yield อีก 6% โดยปี 2566 คาดจ่ายเงินปันผล 3.62 บาท จึงคงแนะ “ซื้อ” เพื่อรอการฟื้นตัวของผลงานตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป
