ฟองสบู่โลกยังไม่แตกเพราะทรัมป?!
เมื่อเร็วๆนี้ ผู้โพสต์คาดว่าฟองสบู่โลกน่าจะแตกแล้วด้วยเหตุผลว่าเฟดเป็นขาลงรอบใหญ่แล้วดังนี้ คือ :
ตลาดหุ้นน่าจะเป็นขาลงรอบใหญ่แล้ว เพราะ Fed Fund Rate เป็นขาลงรอบใหญ่แล้วดังนี้ คือ :
1) การปรับขึ้น และการปรับลดลงของดอกเบี้ย Fed Fund Rate :
1.1) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ปี พ.ศ 2558
จาก 0.25% เป็น 0.50%
1.2) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ปี พ.ศ 2559 จาก 0.50% เป็น 0.75%
1.3) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ปี พ.ศ 2560
จาก 0.75% เป็น 1.00%
1.4) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปี พ.ศ 2560
จาก 1.00% เป็น 1.25%
1.5) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ปี พ.ศ 2560
จาก 1.25% เป็น 1.50%
1.6) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ปี พ.ศ 2561
จาก 1.50% เป็น 1.75%
1.7) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ปี พ.ศ 2561
จาก 1.75% เป็น 2.00%
1.8) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 26 กันยายน ปี พ.ศ 2561
จาก 2.00% เป็น 2.25%
1.9) FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561
จาก 2.25% เป็น 2.50%
1.10) FOMC ปรับลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562
จาก 2.50% เป็น 2.25%
1.11) FOMC ปรับลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 18 กันยายน ปี พ.ศ 2562
จาก 2.25% เป็น 2.00%
1.12) คาดว่า FOMC จะปรับลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งที่ 3 ในวันที่ 30 ตุลาคม ปี พ.ศ 2562
จาก 2.00% เป็น 1.75%
2) วัฏจักร Down Jones และ กลยุทธการลงทุน :
2.1) เดือน มีนาคม ปี พ.ศ 2543 : Down Jones = 11,732 จุด และ Fed Fund Rate = 6.50%
2.1.1) กลยุทธการลงทุน : Short Down Jones Futures
2.2) เดือน ตุลาคม ปี พ.ศ 2546 : Down Jones = 7,717 จุด และ Fed Fund Rate = 1.00% ( ฟองสบู่ดอทคอม )
2.2.1) กลยุทธการลงทุน : Long Down Jones Futures
2.3) เดือน มิถุนายน ปี พ.ศ 2549 : Down Jones = 14,167 จุด และ Fed Fund Rate = 5.25% ( Commodity Rally )
2.3.1) กลยุทธการลงทุน : Short Down Jones Futures
2.4) วันที่ 9 มีนาคม ปี ค.ศ 2552 : Down Jones = 6,547 จุด และ Fed Fund Rate = 0.25% ( วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ )
2.4.1) กลยุทธการลงทุน : Long Down Jones Futures
2.5) วันที่ 11 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 : Down Jones ทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 27,398 จุด ในขณะเดียวกันกับดอกเบี้ยเฟดทําจุดสูงสุดในขาขึ้นรอบใหญ่ในรอบล่าสุดนี้ที่ 2.50% ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 และลดลงมาเป็น 2.25% เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 และ 2.00% เมื่อวันที่ 18 กันยายน ปี พ.ศ 2562 ตามลําดับ ( QE EFFECT )
2.5.1) กลยุทธการลงทุน : Short Down Jones Futures
2.6) ผู้โพสต์คาดการณ์ว่าจุดตํ่าสุดของ Down Jones น่าจะอยู่ที่ 12,660 จุด และ Fed Fund Rate = 0.00% ในช่วงปลายปี พ.ศ 2564 เนื่องจาก ฟองสบู่โลกแตก ??????
3) วัฏจักร Set Index และ กลยุทธการลงทุน :
3.1) วันที่ 22 มิถุนายน ปี ค.ศ 1999 : Set Index = 545 จุด และ Fed Fund Rate = 6.5%
3.1.1) กลยุทธการลงทุน : Short Set 50 Index Futures ( ซึ่งตอนนั้น Set 50 Index Futures ยังไม่มีการซื้อขาย )
3.2) วันที่ 14 พฤจิกายน ปี ค.ศ 2001 : Set Index = 267 จุด และ Fed Fund Rate = 1.00% ( ฟองสบู่ดอทคอม )
3.2.1) กลยุทธการลงทุน : Long Set 50 Index Futures ( ซึ่งตอนนั้น Set 50 Index Futures ยังไม่มีการซื้อขาย )
3.3) วันที่ 29 ตุลาคม ปี ค.ศ 2007 : Set Index = 915 จุด และ Fed Fund Rate = 5.25% ( Commodity Rally )
3.3.1) กลยุทธการลงทุน : Short Set 50 Index Futures
3.4) วันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ 2008 : Set Index = 380 จุด และ Fed Fund Rate = 0.25% ( วิกฤติ
แฮมเบอร์เกอร์ )
3.4.1) กลยุทธการลงทุน : Long Set 50 Index Futures
3.5) วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2018 : Set Index ปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 1,852 จุด ในขณะเดียวกันกับดอกเบี้ยเฟดทําจุดสูงสุดในขาขึ้นรอบใหญ่ในรอบล่าสุดนี้ที่ 2.50% ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 และลดลงมาเป็น 2.25% เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 และ 2.00% เมื่อวันที่ 18 กันยายน ปี พ.ศ 2562 ตามลําดับ ( QE EFFECT )
3.5.1) กลยุทธการลงทุน : Short Set 50 Index Futures
3.6) ผู้โพสต์คาดการณ์ว่าจุดตํ่าสุดของ Set Index น่าจะอยู่ที่ 800 จุด และ Fed Fund Rate = 0.00% ในช่วงปลายปี พ.ศ 2564 เนื่องจาก ฟองสบู่โลกแตก ??????
แต่เนื่องจากว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการที่จะได้รับการเลือกตั้งให้กลับเข้ามาดํารงตําแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกสมัยหนึ่ง เพราะฉะนั้นในช่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้ง ประธานาธิบดีก็จะใช้ผลงานที่สําคัญในการหาเสียงคือ :
1) เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาดีที่สุดในรอบ 4 ปี
2) ชาวอเมริกันว่างงานตํ่าสุดในรอบ 50 ปี
3) ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดตลอดกาลนับครั้งไม่ถ้วน
" และไม้ตายสุดท้ายของประธานาธิบดีโดนัลด์ที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาต่อไปก็คือการกระตุ้นภาคการบริโภคในสหรัฐอเมริกาเองซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 70% ของ GDP และสิ่งนี้แหละจะเป็นการสะสมฟองสบู่ให้ใหญ่มากยิ่งขึ้นแล้วจึงจะเกิดฟองสบู่โลกแตกในปี พ.ศ 2564 "
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้โพสต์จึงคาดว่า Down Jones จะปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดใหม่ได้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนถึงวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไป และน่าจะทําให้ Set Index ปรับตัวดังนี้ คือ :
1) ปรับตัวลงไปทําจุดตํ่าสุดใหม่ที่อาจจะถึง 1,510 จุด ก็ได้ ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม ปี พ.ศ 2562 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2562 เพราะปัญหาภายในประเทศไทยเองเช่น GDP ตกตํ่า ผลประกอบการ Q3/2019 ออกมาไม่ดี และการยกเลิก GSP ของทรัมป์ เป็นต้น
2) หลังจากนั้น Set Index ก็น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม Down Jones ไปจนถึงวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
และ 3) กลยุทธการลงทุนจึงควรจะเน้นการ Long Set 50 Index Futures แล้วให้ระวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในระยะที่ 2 หรือ Phase 2 และระยะที่ 3 หรือ Phase 3 ที่ตลาดหุ้นอาจจะมีการปรับฐานเนื่องจากการทุบหุ้นของทรัมป์เป็นระยะๆไป ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไปในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563
" อย่างไรก็ตาม ผู้โพสต์ขอเรียนให้ท่านนักลงทุนทุกท่านได้รับทราบว่า ผู้โพสต์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือเจตนาที่จะชักชวน ชี้นํา หรือชี้เป้าให้ท่านนักลงทุนที่เข้ามาดู เข้ามาอ่าน หรือเข้ามา View มาลงทุนตามแนวทางที่ผู้โพสต์ได้นําเสนอไป และจะนําเสนอต่อไปในอนาคต และจะไม่รับประกันผลตอบแทน ตลอดจนจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นในกรณีที่มีการนําข้อมูล หรือความเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์ไปใช้แล้วเกิดความเสียหายขึ้น ผู้โพสต์หวังแต่เพียงว่าข้อมูล และความคิดเห็นส่วนตัวดังกล่าวข้างต้นของผู้โพสต์ อาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านนักลงทุนที่เข้ามาดู และเข้ามา View บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต "
หมายเหตุ : โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futures ตามการปั่นและทุบหุ้นของทรัมป์ได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook
ที่ https://www.facebook.com/groups/2088093934817836/