TRUE กำไรจากผลการดำเนินงานล้วนๆ โดยไม่มีรายได้พิเศษใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
ยอดเยี่ยมจริงๆ สำหรับ ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)หลังจากประกาศผลงานโค้ง 3 หรือไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ออกมามีกำไร 384 ล้านบาท จากที่ขาดทุนเกือบ 700 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และถือเป็นกำไรจากผลการดำเนินงานล้วนๆ โดยไม่มีรายได้พิเศษใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
ไม่เหมือนตอนกำไรในปี 60 ที่มีรายได้มาจากการการขายทรัพย์สินเข้ากองทุน โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ขณะที่ 9 เดือนปีนี้ ทรูก็พลิกมามีกำไรถึง 10,035.08 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 3,088.48 ล้านบาท ส่วนที่บอกว่าเป็นกำไรจากผลการดำเนินงานล้วนๆ ก็เพราะทรูทำรายได้จากการบริการได้มากกว่า 2.63 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.3% จากไตรมาส 3 ปีก่อน เป็นการเติบโตของทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต ซึ่งก็ถือว่าดีงามในรอบหลายปีเลยทีเดียว เพราะหลังจาก TRUE เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2536 หรือกว่า 25 ปี มาแล้วนั้น เรามักจะเห็นตัวเลขแดงๆ มากกว่า ดังนั้นกำไรคราวนี้ของ TRUE ระบรองว่าเรียกรอยยิ้มให้ผู้ถือหุ้นที่รอคอยมานานแสนนานได้เสียที
ยอมรับว่าในปีนี้ ทรูทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าที่ย้ายค่ายมาใช้ทรูมากขึ้นจนทำให้แซงหน้าคู่แข่งอย่าง DTAC ขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ได้สำเร็จ ส่งผลให้รายได้จากค่าบริการของพวกเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิต่อเนื่อง โดยล่าสุด TRUE มี EITDA เติบโต 13.9% มี EBITDA Margin โต 38.4% และเป็นกำไรที่มาจากกลุ่มธุรกิจหลักก็คือฐานผู้ใช้บริการ True Move H ที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดด้านรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 28.9% เป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 60 ขณะที่รายได้และฐานลูกค้าของทรูออนไลน์ เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลักเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อนเช่นกัน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นทุกตัว
ไล่เรียงตั้งแต่โทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 3 ปี 2561 มีรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น 10.1% จากไตรมาส 3 ปีก่อน นับเป็นไตรมาสที่ 26 ติดต่อกัน ที่รายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอชเติบโตจากปีก่อนหน้าได้มากกว่าอุตสาหกรรม เพราะมีการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายและแคมเปญการตลาดเจาะในแต่ละพื้นที่ ซึ่งไตรมาส 3 ปีนี้ ทรูมูฟ เอช มีระมาณ 6.78 แสนราย ส่งผลให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 28.8 ล้านราย
ส่วนทรูออนไลน์ ก็มีจำนวนลูกค้าบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 7.6 หมื่นราย ขยายฐานลูกค้าเป็น 3.4 ล้านราย ส่งผลให้รายได้ส่วนนี้เติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และทรูวิชั่นส์ เติบโต 15.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่านช่องทางที่หลากหลายของกลุ่มทรู ทำให้ฐานลูกค้ารวมของทรูวิชั่นส์เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 4 ล้านรายณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2561
เห็นตัวเลขแบบนี้ไม่บอกก็รู้ว่าแฮปปี้ขนาดไหน สำหรับผู้บริหาร TRUE ที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องปั้นแล้วปั้นอีกเพื่อให้ TRUE สามารถผงาดมายืนแถวหน้าของค่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศได้ จนกระทั่งปีนี้เมื่อขึ้นมายืนเหนือคู่แข่งต่างชาติได้ จึงกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง และเป็นนิมิตรหมายที่ดี หากยังสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้ง ADVANC และ DTAC ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังกว่า รายแรกกำไรลดลง ขณะที่รายหลังถึงกับขาดทุนนับตั้งแต่เข้าตลาดฯ แค่นี้ก็ยืดอกโม้ได้แล้ว
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการที่ดีเพียงไตรมาสเดียว ก็ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า TRUE จะดีและทำกำไรต่อเนื่องจากนี้ไปหรือไม่ เพราะเมื่อดูจากยอดขาดทุนสะสมล่าสุดแล้วยังมียอดรวมอยู่ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้นในระยะยาวจึงยังต้องเร่งเครื่องสร้างผลงานให้เป็นที่ประทับใจต่อไป ไตรมาส 3 ดีแล้ว ไตรมาส 4 ก็ต้องดีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลตอบแทนที่จะให้กับผู้ถือหุ้น ผู้บริหารก็ต้องทำตามสัญญาว่าเมื่อผลงานดี ผู้ถือหุ้นก็ต้องได้รับประโยชน์ตามไปด้วย ถ้าจำไม่ผิดเมื่อต้นปี TRUE เคยจ่ายเป็นผลงวดปี 60 เป็นเงินสดมาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นถ้าจะจ่ายกันอีกซักรอบ ก็ไม่น่าผิดกฎหมายอะไร เมื่อมีกำไรจากผลการดำเนินงานล้วนๆ แบบนี้
แต่ .... กำไรดี มีปันผล แค่นี้ยังไม่พอนะคะ หลายคนฝากมาบอกว่าเรื่องสำคัญอีกเรื่อง ก็คือ "การบริการ" นี่แหละ และน่าจะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ TRUE รักษาฐานที่มั่นไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ไม่ถูก DTAC ฉุดตกอันดับ เพราะหากเป็นแบบนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะมีเสียงบ่นมามากเหลือเกินกับการให้บริการของ มือถือค่ายสีแดงแห่งนี้ว่า บริการไม่ค่อยฉับไว และขัดใจลูกค้าอยู่ไม่น้อย
Cr. https://bit.ly/2DrqF49