เจาะพื้นฐาน 5 หุ้นเด่น
มีแนวโน้มเติบโตหลังการเลือกตั้ง
.
เศรษฐกิจภายในประเทศยังเป็นภาพของการฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ธีมการลงทุนที่ได้รับการแนะนำยังเป็นหุ้นที่อ้างอิงกับการบริโภคภายในประเทศและผลประกอบการที่เติบโตดี ดังนั้น Wealthy Thai จึงมีหุ้นเด่นที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากเศรษฐกิจในประเทศมาฝาก
.
โดยบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แนะนำธีมการลงทุน เน้นหุ้น Domestic play ที่ผลประกอบการไตรมาสไตรมาส 1/66 แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตหลังการเลือกตั้งจากโยบายกระตุ้นของภาครัฐ รวมถึงความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่ฟื้นตัว ได้แก่ CPALL, CK, TOA, SAK และ AEONTS
.
สำหรับแนวโน้มการเติบโตรายบริษัท CPALL นักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า แนวโน้มการดำเนินงาน คาดไตรมาส 2/66 กำไรปกติจะโตเร่งขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 3.5-4 พันล้านบาท หนุนจากอากาศหน้าร้อนกว่าปีก่อนๆ, กิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจที่ดูคึกคักมากขึ้นตามการท่องเที่ยว,
.
รวมทั้งการใช้จ่ายช่วงเลือกตั้งและการเปิดภาคเรียน คาดทำให้ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ของร้านเซเว่นยังบวกสูง โดยเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5-8% , การปรับใช้ต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยรอบใหม่ (เริ่มพ.ค. 66) ที่ถูกลง 12% คาดช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค (รวมMAKRO) ลง 200-300 ล้านบาทต่อเดือน
.
ดังนั้น ยังคงคาดกำไรปกติปี 66 ที่ 1.85 หมื่นล้านบาท เติบโตสูง 40% จากปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 2/66 CPALL จะมีแรงหนุนจากต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยที่ลดลง ส่วนครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยบวกเพิ่มจากดอกเบี้ยจ่ายของโลตัสที่น้อยลงหลังรีไฟแนนซ์เสร็จแล้วในกลางไตรมาส 2/66 ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยถูกลงราว 100bps
.
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว จนเหลือ upside จำกัด ดังนั้นจึงปรับคำแนะนำลงเป็น ซื้อเก็งกำไร จากเดิม ซื้อ โดยคงราคาเป้าหมายที่ 70
.
ส่วน CK นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดแนวโน้มผลประกอบการจะฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2 – 3/66 จาก 1. การรับรู้รายได้ของโครงการที่เซ็นสัญญาใหม่ได้แก่ โครงการถไฟทางคู่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย, 2. มีกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากผลประกอบการของ BEM ที่คาดจะเติบโตต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยว และ 3. กลับมามีปันผลรับจาก TTW
.
โดยไตรมาส 2/66 มีงานที่เตรียมเซ็นสัญญา ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง มูลค่าโครงการ 9.8 หมื่นล้านบาท งานส่วนเพิ่มของรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย มูลค่างาน 1.6 พันล้านบาท และ งานถนนไฮเวย์เส้นทางเชียงใหม่-เชียงรายมูลค่างาน 800 ล้านบาท คาดหลังเซ็นสัญญา แบ็กล็อกของ CK จะเข้าสู่ระดับ 1.5 แสนล้านบาท โดยคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 1,275 ล้านบาท โต 44.5% พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเหมาะสมที่ 28 บาท
.
ถัดมา TOA นักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 2/66 เบื้องต้นคาดกำไรที่ 500 ล้านบาท โต 36% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้และอัตรากำไรฟื้นตัว โดยบริษัทมีแผนปรับมาใช้ Tio2 จีน สัดส่วน 20% ของทั้งหมดจากเดิม 8% เริ่มปลายมี.ค. จะช่วยเพิ่มกำไรราว 15 ล้านบาทต่อไตรมาส แต่ลดลง 9% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามผลของฤดูกาล
.
ส่วนทั้งปี 2566 คาดกำไรที่ 2,172 ล้านบาท โต 53% จากปีก่อน มองเป็นปีที่ดีจากทั้งรายได้ที่คาดโต 6% ตามการปรับขึ้นราคาเต็มปี และอัตรากำไรฟื้นตัว จากต้นทุนทยอยปรับลง โดยคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 41 บาท มองเป็นจุดทยอยสะสม หลังราคาปรับลงมาและซื้อขาย PER ปีนี้เหลือ 27.3 เท่า
.
SAK นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรไตรมาส 2/66 จะเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจาก 1. การลดอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ เนื่องจากรายได้จากสาขาใหม่จะเริ่มเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (opex) มีแนวโน้มทรงตัว
.
2.คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวสูงขึ้นจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากผลกระทบตามฤดูกาลและแนวโน้มการบริโภคที่ดีขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไป และ 3. คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะสูงขึ้นตามจำนวนการอนุมัติสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น
.
โดยชอบ SAK ในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีเมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่ง และคาดว่ากำไรปี 2566 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 911 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่ดูเหมือนจะรายงานการเติบโตของกำไรช้าลง ดังนั้นคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 7.70 บาท
.
AEONTS นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดปี 2566 ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัว หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับที่คาดขยายตัวได้ดีขึ้น หลังได้อานิสงค์บวกจากความต้องการสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว บวกกับการรุกขยายสินเชื่อประเภทใหม่ๆ เพื่อชดเชยผลกระทบจาก NIM ที่คาดปรับลงจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
.
นอกจากจากความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ที่เริ่มแข็งแรงขึ้น คาดหนุนให้บริษัทมีการตั้งสำรองต่ำลง และมีรายได้หนี้สูญรับคืนเพิ่มขึ้น (การรับชำระหนี้จากลูกหนี้ที่ Write Off ไปแล้ว) คาดหนุนให้ปี 2566 AEONTS มีกำไรปกติ 4,710 ล้านบาท โต 20.4% จากปีก่อน ประเมิน AEONTS ยังมีความน่าสนใจจากผลดำเนินงานที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และ Valuation ที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานปีนี้ที่ 223 บาท จึงคงคำแนะนำ ซื้อ
.
และสุดท้าย SIRI นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า ยังคงประมาณการรายได้ปี 2566 ไว้ที่ 39,843 ล้านบาท โต 15.7% จากปีก่อน โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากแบ็กล็อกโครงการแนวราบส่วนใหญ่ในครึ่งหลังปีนี้ ประกอบกับไตรมาส 1/66 บริษัทรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ ฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ขึ้นจาก 4,400 ล้านบาท เป็น 4,900 ล้านบาท โต 14.5% จากปีก่อน
.
อย่างไรก็ตาม ด้วยกำไรสุทธิที่มีแนวโน้มเติบโตน้อยลง สถานะทางการเงินที่อ่อนแอกว่าคู่แข่ง และ Upside ที่มีจำกัดเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย จึงคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ SIRI ไว้ที่ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 1.93 บาท
