ห้องเม่าปีกเหล็ก

9 ปัจจัยเตรียมพร้อมลงทุน หุ้นขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม

โดย คริสตัล
เผยแพร่ :
236 views

ส่อง 9 ปัจจัยเตรียมพร้อมลงทุน หุ้นขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม

 

 

นอกจากเรื่องการท่องเที่ยวแล้วประเทศไทยถือเป็นประเทศที่เชี่ยวชาญธุรกิจอาหารการกินเป็นอย่างมาก อาหารของประเทศไทยหลายอย่างโด่งดังระดับโลก เรามีบริษัทผู้ผลิตอาหารขนาดใหญ่และเป็นแหล่งวัตถุดิบที่บริษัทต่างชาติให้ความไว้วางใจ ในตลาดหุ้นเองก็มีหุ้นที่ทำธุรกิจอาหารเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากมาย อาทิ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (PM) เจ้าของปลาทาโร่ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) เจ้าของขนมเจเล่ และเบนโตะ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (TKN) เจ้าของสาหร่ายเถ้าแก่น้อย บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ICHI) เจ้าของชาเขียวอิชิตัน และแบรนด์อื่นๆอีกมากมาย

สำหรับนักลงทุนการลงทุนในหุ้นอาหารและเครื่องดื่มยังเป็นการลงทุนที่เข้าใจง่าย เพราะเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา มีการซื้อกินซื้อใช้อยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่าเราสามารถสอบถามกับคนรอบตัวได้ด้วยว่าสินค้าตัวนี้น่าสนใจแค่ไหน ได้รับความนิยมหรือไม่

หุ้นอาหารและเครื่องดื่มมักจะมีโครงสร้างทางการเงินที่คล้ายกัน มีวิธีการดำเนินงาน และการเติบโตที่ไม่แตกต่างกันมาก ทำให้การศึกษาหุ้นหนึ่งตัวในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จะทำให้เข้าใจหุ้นตัวอื่นๆไปด้วย

สรุปวิธีการวิเคราะห์ในครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 9 ปัจจัยสำคัญที่คนเล่นหุ้นอาหารและเครื่องดื่มต้องเข้าใจ ก่อนซื้อหุ้น !

ปัจจัยที่ 1 การเติบโตของรายได้ – การลงทุนที่ดีจะต้องเป็นการลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการดูย้อนหลังว่าหุ้นต่างๆที่เรากำลังสนใจมีการเติบโตมากแค่ไหนในอดีตจึงเป็นสิ่งสำคัญ หุ้นที่เคยเติบโตมาก่อนมักจะมีการเติบโตต่อเนื่อง ส่วนหุ้นที่ไม่เคยเติบโตเลยมักจะไม่มีการเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน

ปัจจัยที่ 2 สัดส่วนรายได้ในประเทศและการส่งออก – หุ้นอาหารและเครื่องดื่มหลายตัวไม่ได้ขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ขายสินค้าหลากหลายประเภท หุ้นบางตัวมีรายได้จากทั้งการขายในประเทศและการส่งออก ดังนั้นจึงต้องวิเคราะห์สัดส่วนรายได้ให้ดี เพราะสินค้าแต่ละตัวมีอัตราส่วนในการทำกำไรที่ไม่เหมือนกัน สินค้าที่ขายในประเทศก็มีอัตราการทำกำไรที่ไม่เหมือนสินค้าส่งออก เพราะโครงสร้างการทำการตลาดที่แตกต่างกันนั่นเอง

ปัจจัยที่ 3 ส่วนแบ่งการตลาด – แน่นอนว่าเมื่อลงทุนในหุ้นแล้ว สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้คือสินค้าที่บริษัทผลิตอยู่นั้นมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอย่างไร? เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมหรือไม่? เพราะถ้าเป็นผู้นำมักจะทำให้บริษัทสามารถตั้งราคาสินค้าได้สูงกว่าคู่แข่งจากแบรนด์ที่ได้รับความนิยม และแน่นอนว่าจะนำไปสู่การทำกำไรที่สูงกว่าคู่แข่งเช่นกัน

ปัจจัยที่ 4 โครงสร้างต้นทุนและราคาวัตถุดิบ – การผลิตขนมและเครื่องดื่มนั้นมักมีต้นทุนที่มีความผันผวนมาก-น้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสินค้าที่บริษัทผลิต และรูปแบบของสินค้าว่าต้องมีการใช้แพคเกจจิ้งมากแค่ไหน บริษัทที่มีความผันผวนของต้นทุนการผลิตต่ำ จะน่าสนใจกว่าบริษัทที่มีความผันผวนของต้นทุนการผลิตสูง และบริษัทที่สามารถลดสัดส่วนของต้นทุนการผลิตได้ จะน่าสนใจกว่าบริษัทที่มีต้นทุนการผลิตเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น

ปัจจัยที่ 5 อัตรากำไรขั้นต้น – เมื่อควบคุมต้นทุนขายได้ดี สิ่งที่ตามมาคืออัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงบ่งบอกว่าสินค้าที่บริษัทขายนั้นมีคุณค่ามากกว่าสินค้าตลาดทั่วๆไป เพราะสามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่า และส่งผลให้กำไรดีกว่าด้วย ในการวิเคราะห์ควรมองหาหุ้นที่มีกำไรขั้นต้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจมาจากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น หรือจากการขึ้นราคาสินค้าก็ได้เช่นกัน

ปัจจัยที่ 6 อัตราการใช้กำลังการผลิต – เนื่องจากต้นทางของการผลิตขนมและเครื่องดื่มคือโรงงานและเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต การวิเคราะห์หุ้นต้องลงลึกไปถึงระดับโรงงานที่ผลิตว่ามีการผลิตในระดับที่คุ้มค่าหรือไม่ เพราะถ้ามีการผลิตสินค้าน้อยเกินไป ใช้กำลังการผลิตต่ำ จะทำให้อัตราการทำกำไรต่ำ และรายได้ต่ำตามไปด้วย ในทางกลับกันถ้ามีการใช้กำลังการผลิตสูง รายได้จะดีขึ้น และกำไรจะอยู่ในระดับสูงเพราะมีการใช้กำลังการผลิตอย่างคุ้มค่า

ปัจจัยที่ 7 ปัจจัยจากฤดูกาล – ถ้าเป็นหุ้นเครื่องดื่มมักจะมีรายได้ที่เติบโตเป็นพิเศษในช่วงไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 สำหรับในประเทศไทยเพราะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่หากเป็นต่างประเทศจะอยู่ในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนของฝั่งยุโรป ในกรณีของหุ้นขนมขบเคี้ยวมักจะมีการรายได้ที่เติบโตเป็นพิเศษในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวที่คนมีการเฉลิมฉลองและมีการซื้อของอย่างมากนั่นเอง

ปัจจัยที่ 8 แผนการเติบโต – แผนการเติบโตของหุ้นขนมผู้ผลิตและเครื่องดื่ม แบ่งออกได้หลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นเป็นของตนเอง

ปัจจัยที่ 9 ประเมินมูลค่าด้วย P/E – การประเมินมูลค่าของหุ้นขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มนั้นมักจะใช้วิธีการประเมินด้วย P/E หรือ Price to Earning Ratio โดยค่าเฉลี่ยของกลุ่มจากการประเมินของ K Securities อยู่ที่ P/E 27.5 เท่าสำหรับปี 2023 โดยหุ้นที่น่าสนใจที่สุดหากเปรียบเทียบระหว่าง TKN, SAPPE, SNNP คือ SAPPE จากการที่มี P/E ที่ 21 เท่า รองลงมาคือ TKN ที่ 29.8 เท่า และ SNNP ที่ 31.6 เท่า

อย่างไรก็ตามหุ้นจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับการเติบโตที่สามารถทำได้ในอนาคตด้วยว่า สามารถทำได้ตรงตามเป้ามากน้อยแค่ไหน หากไม่สามารถทำตามเป้าได้ราคาที่ดูเหมือนจะถูกอาจจะแพงได้ในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว ดังนั้นในฐานะนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ที่มา : บล.กสิกรไทย

 

 


คริสตัล