ส่องแนวโน้มการเติบโตของ IRPC-TOP หลังรายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด!!
2 หุ้นยอดนิยมของนักลงทุนในกลุ่ม PTT อย่าง IRPC และ TOP ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/65 ออกมาแล้ว ซึ่ง IRPC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ตามคาดการณ์ที่ 3,833 ล้านบาท ลดลง 16%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 155% จากไตรมาส 1/65 ขณะที่ TOP รายงานกำไรสุทธิ 25,326.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,093% จากงวดเดียวกันปีก่อน ดังนั้น Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจแนวโน้มการเติบโตนับจากนี้ยังมีความน่าสนใจหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบแล้ว
เปิดผลงานไตรมาส 2/65
IRPC หรือ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 3,833 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,574 ล้านบาท เนื่องจากมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันรวม 1,298 ล้านบาท จากไตรมาส 2/64 มีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 3,507 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 155% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานประกอบการไตรมาส 2/65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 25,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,093% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,122 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ปรับดีขึ้น หลังความต้องการใช้น้ำมันในประเทศฟื้นตัวและค่าการกลั่นที่ปรับสูงขึ้นชั่วคราวจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย ยูเครน ส่งผลให้อุปทานน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดตึงตัว และได้บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นของ GPSC จำนวน 12,880 ล้านบาท (หลังหักภาษี)
ส่องแนวโน้มการเติบโต
IRPC โดยบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท โดยไตรมาส 2/65 กำไรหลักเป็นไปตามที่คาด ส่วนกำไรสุทธิสูงกว่าคาด 12% (สูงกว่าตลาดคาด 9%) เนื่องจากขาดทุนพิเศษต่ำกว่าคาด โดยกำไรหลัก 6 เดือนแรกปี 2565 คิดเป็น 47% ของประมาณการกำไรหลักปี 2565 ที่ 8,491 ล้านบาท จึงยังคงประมาณการไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่คาดปี 2565 จะรายงานกำไรสุทธิ 9,044 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 14,504.62 ล้านบาท
ขณะที่กำไรหลักไตรมาส 3/65 ของ IRPC มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) ที่สูงขึ้น แต่กำไรหลักมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากไตรมาสก่อน ซึ่งถูกกดดันจากค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) ที่ลดลง อุปสงค์ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในวงกว้างมีแนวโน้มเติบโตฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 จากมุมมองของอุปทาน การปิดโรงกลั่น, การส่งออกที่ลดลงจากประเทศจีน, และสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จำกัดอุปทานเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามอุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปทานที่มีจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะกดดันค่าการกลั่นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน โดยไตรมาส 3/65จึงคาดว่าค่าการกลั่นจะขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน ในขณะที่ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีบางประเภทมีแนวโน้มลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นและอุปทานที่มีจำนวนมาก
ขณะที่ความคาดหวังต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานหลักที่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันขอปีก่อน ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัยจากการลงทุนใหม่ๆ มูลค่าหุ้น IRPC ยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
TOP โดยบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/65 กำไรหลักเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาด แต่กำไรสุทธิสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด 12% (สูงกว่าที่ตลาดคาด20%) เนื่องจากกำไรพิเศษมากกว่าคาด โดยกำไรหลัก 6 เดือนแรกของปี 2565 คิดเป็น 61% ของประมาณการกำไรหลักปี 2565 ที่ 32,146 ล้านบาท ยังคงไว้ไม่เปลี่ยนแปลง อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการหากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสูงกว่าคาด ขณะที่กำไรสุทธิปี 2565 คาด 43,250 ล้านบาท จากปีก่อน 12,578 ล้านบาท
สำหรับอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปจะฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 จากมุมมองของอุปทาน การปิดโรงกลั่น, การส่งออกที่ลดลงจากประเทศจีน, และสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จำกัดอุปทานเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามอุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปทานซึ่งมีจำนวนมาก มีแนวโน้มที่จะกดดันค่าการกลั่นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน จึงคาดว่าค่าการกลั่นจะขยายตัว จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน ส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์ (เทียบกับ ULG95) มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นคาดลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน
จากแนวโน้มดังกล่าว คาดค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) ไตรมาส 3/65 ของ TOP จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน อัตราการใช้กำลังการกลั่นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ทรงตัวไตรมาสก่อน) ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์มีแนวโน้มลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน) และอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นคาดว่าจะทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน คาดกำไรหลักไตรมาส 3/65 ของ TOP คาดว่าจะขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อ่อนตัวจากไตรมาสก่อน
ดังนั้นแนวโน้มตลาดที่ปรับตัวดีขึ้นน่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของ TOP ในปีนี้ นอกจากนั้นคาดการณ์การเติบโตของกำไรหลักที่แข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป มูลค่าหุ้นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท
