จับตายหุ้น “เคซี” ชุมชนหุ้น By สุนันท์ ศรีจันทรา
บริษัท เคซี พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กำลังเป็นหุ้นอีกตัวที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพ่งเล็งเป็นพิเศษ โดยล่าสุดถูกสั่งให้ชี้แจงรายละเอียดการซื้อขายที่ดิน 3 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 300 ล้านบาท ที่ดิน 3 รายการที่ ”เคซี”อยู่ระหว่างซื้อขาย ผู้ตรวจสอบบัญชีบริษัท เคยตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนหน้า และเป็นสาเหตุสำคัญที่ไม่รับรองงบการเงินไตรมาสที่สาม
ที่ดินแปลงหนึ่งมีปมที่ตลาดหลักทรัพย์ตั้งข้อสังสัยคือ เหตุใดบริษัทในเครือจึงซื้อคืนมา หลังจากขายให้บุคคลอื่นไปแล้ว ภายในเวลาเพียง 1 เดือน และรวมทั้งความสำคัญระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย มีความเกี่ยวโยงกันหรือไม่ ที่ดินอีกแปลงหนึ่งแถวบางปะอิน มูลค่า 190 ล้านบาทที่ ”เคซี” จะซื้อ ปรากฏว่า ไม่ได้จ่ายเงินมัดจำให้กับผู้ขายโดยตรง และมีการจ่ายเงินค่ามัดจำหลบายสิบล้านบาทเร็วกว่ากำหนด และยังมีคำถามเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของการกำหนดรับมอบที่ดินในอีก18 เดือนข้างหน้า
ส่วนที่ดินแปลงสุดท้าย บริเวณแพรกษาใหม่ มูลค่า 100 ล้านบาท ที่ ”เคซี”จ ะขาย ซึ่งมีค่าโอน9.3 ล้านบาท ค่านายหน้า 5 ล้านบาท และค่าแนะนำลูกค้าอีก 5.34ล้านบาท ซึ่งตลาดหลักทรัพย์สั่งให้เปิดเผยรายชื่อผู้รับค่านายหน้าและบุคคลที่แนะนำลูกค้า รวมทั้งการระบุความสัมพันธ์กับผู้ซื้อที่ดินว่า มีความเกี่ยวโยงกันหรือไม่ ตลาดหลักทรัพย์ยังสั่งให้ผู้บริหาร”เคซี”ชี้แจงถึงกรอบการอนุมัติวงเงินและอำนาจการทำรายการของบริษัท พร้อมทั้งรายชื่อผู้อนุมัติการทำรายการซื้อขายที่ดินทั้ง3 รายการ และอธิบายเกณฑ์การกำหนดราคาซื้อขาย ราคาประเมิน วันที่ได้รับราคาประเมิน และชื่อผู้ประเมิน ราคา พร้อมระบุว่า เป็นผู้ประเมินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. หรือไม่
ทำไมตลาดหลักทรัพย์จึงต้องเพ่งเล็งการซื้อขายที่ดินของ ”เคซี” ตอบกันตรงๆคือ การซื้อขายที่ดินทั้ง 3 รายการมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ และอยู่ในข่ายที่ตั้งข้อสงสัยได้ว่า จะเป็นวิธีการไซ่ฟ่อนเงินออกจากบริษัทหรือไม่เพราะพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน เคยเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนอื่นมาแล้ว โดยเป็นคดีที่มีการร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระหว่างผู้ถือหุ้นกับฝ่ายบริหารบริษัท กรณีบริษัท กรีน รีซอร์สเซส จำกัด(มหาชน) จำกัดหรือหุ้น ”กรีน”
ผู้ถือหุ้นกรีน ได้ยื่นร้องเรียนก.ล.ต. สงสัยพฤติกรรมผู้บริหาร ขอให้ตรวจสอบการทำรายการซื้อที่ดินและการลงทุนในบางโครงการที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัท โดยเฉพาะการมัดจำที่ดินในมูลค่าหลายสิบล้านบาท แต่ถูกปล่อยให้ถูกยึดมัดจำ เพียงแค่ข้ออ้างว่า หุ้นกรีนเป็นหุ้นที่มีประวัติโชกโชน เปลี่ยน ”เจ้ามือ” มาเรื่อย เปลี่ยนชื่อบริษัทมาแล้ว 3 ครั้ง เพื่อให้นักลงทุนหน้าใหม่ๆจำพฤติการณ์ในอดีตไม่ได้ จากกลุ่มของนายกมล เอี้ยวศิวิกุล ล่าสุดเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่ และเป็นเจ้ามือรายที่3
การวางมัดจำซื้อที่ดิน และปล่อยให้ค่ามัดจำถูกยึด ถ้าไม่มีการตรวจสอบ ไม่มีการควบคุม ไม่กำหนดความรับผิดชอบของผู้อนุมติ ก็จะกลายเป็นช่องทางในทางผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน ปล้นเงินจากผู้ถือหุ้นด้วยวิธีง่ายๆ และเมื่อบริษัทหนึ่งทำได้ บริษัทอื่นก็จะลอกเลียนแบบตาม ซึ่ง”เคซี”ก็กำลังมีพฤติกรรมลักษณะเดียวกับ ”กรีน”
“เคซี” น่าจะเป็นหุ้นอีกตัวที่ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นบัญชีการติดตามพฤติกรรมไว้ เพราะก่อนหน้า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นตัวนี้เคยพุ่งพรวดอย่างไร้เหตุผล จากราคา1.42 บาท ทะยานขึ้นมาปิดที่ 1.70 บาท เพิ่มขึ้น28 สตางค์หรือกว่า19% มูลค่าการซื้อขายพุ่งกว่า 170 ล้านบาท ทั้งที่วันก่อนหน้าซื้อขายกันเพียงประมาณ 2 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์ทำงานฉับไวอย่างน่าชมเชย กรณีหุ้นเคซี เพราะสั่งถามไปยังบริษัททันทีว่า เกิดอะไรขึ้นกับราคาหุ้น และเมื่อบริษัทชี้แจงกลับมาว่า ไม่มีข่าวอะไรที่เป็นนัยสำคัญต่อราคา หุ้นเคซีวันต่อมาจึงกลับสู่การซื้อขายปกติ ราคาหุ้นหยุดความร้อนแรง มูลค่าซื้อขาย ”แฟบ” ลง ปฏิบัติการที่รวดเร็วในการหยุดยั้งหุ้นร้อน ตลาดหลักทรัพย์ควรนำบรรทัดฐานที่ใช้กับหุ้นเคซี กำหนดเป็นมาตรการ ใช้กับหุ้นทุกตัวที่หวือหวา โดยเมื่อราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติ ต้องรีบขอคำชี้แจงจากฝ่ายบริษัทบริษัททันที ไม่ใช่ปล่อยให้ปั่นกันไป 5 วัน 7 วันจึงมีมาตรการดับความร้อนแรง การสั่งให้ฝ่ายบริหารบริษัทเคซีแจกแจงปมการซื้อขายที่ดิน 3 รายการ เป็นการตอกย้ำว่า หุ้นตัวนี้ถูกเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดจากตลาดหลักทรัพย์ ก่อพฤติกรรมที่น่าสงสัยเมื่อไหร่ ตลาดหลักทรัพย์โดดเข้ามาตรวจสอบทันที คงต้องรอดูว่า ฝ่ายบริหาร ”เคซี” จะมีคำชี้แจง ปมซื้อขายที่ดินออกมาอย่างไร แต่เชื่อว่า ถึงอย่างไรคงแก้ต่างข้อสงสัยออกมาจนได้ แม้จะมีข่าวว่า การอนุมัติทำรายการซื้อขายที่ดินบางแปลง จะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการจัดทำราคาประเมินที่ดินก็ตาม
หุ้นเคซี อยู่ในข่ายหุ้นที่ถูกตลาดหลักทรัพย์เฝ้า”จับตาย”แล้ว เพราะมีพฤติกรรมที่ชวนสงสัยในความไม่โปร่งใส แต่หุ้นที่มีพฤติกรรมชวนน่าสงสัยในการผ่องถ่ายเงิน ไม่ได้มีเฉพาะหุ้นเคซีเท่านั้น บางทีก็รู้ๆกันอยู่ว่า บริษัทจดทะเบียนแห่งใดมีการไซ่ฟ่อนเงิน เจ้ามือหุ้นตัวไหนกำลังปล้นเงินของผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่สิ่งที่นักลงทุนยังหาคำตอบไม่ได้คือ ตลาดหลักทรัพย์จะจัดการอย่างไรกับบริษัทจดทะเบียนที่สร้างธุรกรรมตบตา เพื่อโกงผู้ถือหุ้น
ชุมชนคนหุ้น
สุนันท์ ศรีจันทรา
ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก