BAM จ่ายปันผล ตั้งเป้าซื้อหนี้

BAM จ่ายปันผล 0.55 บาทต่อหุ้น ปี 2566 ตั้งเป้าซื้อหนี้ขั้นต่ำ 9 พันล้าน

BAM เคาะจ่ายปันผล 0.55 บาทต่อหุ้น ปี’65 มีกำไรสุทธิ 2,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% ขณะที่ทิศทางปีนี้ตั้งเป้าซื้อหนี้ไม่น้อยกว่า 9,000 ล้าน เชื่อแบงก์ทยอยนำหนี้เสียออกมาขายมากขึ้น หลังมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท.สิ้นสุดลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น พิจารณาอนุมัติการจัดสรรเงินกำไร

เพื่อจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงาน ปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท เป็นเงิน 1,777,623,265 บาท คิดเป็น 65.24% ของกำไรสุทธิ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 23 พ.ย. 2566

ทั้งนี้ BAM รายงานผลประกอบการธุรกิจในปี 2565 ว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงปกติ โดยบริษัทมีผลเรียกเก็บรวม 16,591 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อน

จากการขยายตัวของรายได้จากส่วนงาน NPLs และการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งในปี 2565 รายได้จากการดำเนินงานส่วน NPLs มีจำนวน 9,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% และรายได้จากการดำเนินงานส่วน NPAs รวม 2,895 ล้านบาท ลดลง 23.2%

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 2,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% เป็นผลจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้และต้นทุนทางการเงินที่ปรับสูงขึ้นตามสภาวะตลาด และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน 2,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากกิจกรรมทางธุรกิจของ NPLs และ NPAs ที่เพิ่มมากขึ้น

โดยในปี 2565 สถาบันการเงินนำ NPLs ที่มีหลักประกันออกมาเสนอขาย ภาระหนี้เงินต้นรวม 58,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.2% อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินยกเลิกการขายรวม 23,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.9% จากการยกเลิกการขาย NPLs กลุ่มลูกหนี้ corporate

ส่วนในปี 2566 บริษัทพร้อมก้าวสู่ปีที่ 25 อย่างยั่งยืน ด้วยการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ digital AMC ในระยะ 1-2 ปี บริษัทจะยกระดับการให้บริการที่สะดวก ทันสมัย และมุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยน่าจะได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายผลเรียกเก็บไม่น้อยกว่า 17,800 ล้านบาท และมีเป้าหมายลงทุนซื้อหนี้ตามสภาวะตลาดและโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งคาดว่าไม่น้อยกว่า 9,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าสถาบันการเงินจะทยอยนำหนี้เสียออกมาขายมากขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มการตั้งสำรองของสถาบันการเงินและปริมาณหนี้เสียในระบบที่จะเพิ่มขึ้น ภายหลังมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท.สิ้นสุดลง