- ตอนนี้ CPF มียอดขายจากธุรกิจอาหารสัตว์ 38% ฟาร์ม 44% และอาหาร 18% มีกิจการอยู่ 17 ประเทศทั่วโลก
- รายได้หลักมาจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะจีนและเวียดนาม
- ตอนนี้ประเทศไทยเน้นในเรื่องอาหารมากกว่า ที่ยังสามารถเติบโตได้ คือเน้นในเรื่องความสะอาด ตรวจสอบย้อนกลับได้ และการผลิตมีมาตรฐานเป็นที่ไว้วางใจของผู้บรีโภค
- เรื่องของการเลี้ยงจะมีในเรื่องของ Contact Farming หรือจ้างเกษตรกรเลี้ยงและประกันราคา และยังมีการทำเองเลี้ยงเอง สาเหตุที่ต้องลงทุนทำฟาร์มเองเนื่องจากผู้บริโภคต้องการในเรื่องของการตรวจสอบย้อนกลับได้
- ธุรกิจอาหารในประเทศไทยจะมีในเรื่องของผลิตอาหารสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็นผลิตเองหรือรับจ้างผลิต และช่องทางการจัดจำหน่ายเช่นโมเดลของ CP Freshmart หรือกิจการห้าดาว
- ปัจจัยการเติบโตของ CPF อยู่ที่การขยายตลาดให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่มาจากการบวกมาร์จิ้นในสินค้าของเรา
- ธุรกิจทีผันผวนมากที่สุด คือ ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ เพราะจะมีเรื่องของราคาตลาดโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ช่วงที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า CPF สามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสม
- อีกทั้งการเลี้ยงสัตว์ของเรา ไม่ใช่การเลี้ยงเพื่อขายอย่างเดียว แต่เลี้ยงเพื่อที่เรานำมาแปรรูปอาหารด้วย ทำให้มันไม่ล้นตลาดมากเหมือนสมัยก่อน
- ในประเทศจีน CPF ไปลงทุนไว้นานแล้ว แต่ส่วนแบ่งการตลาดของเราก็ยังเล็กอยู่ประมาณ 3-4% ซึ่งเรายังสามารถเติบโตได้อีก
- เรื่องของ COVID ยอมรับว่าเราได้รับผลกระทบไปด้วย คือ การบริโภคลดน้อยลงไปด้วย การเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง แต่ถ้าดูจากภาพใหญ่ถือว่าน้อยกว่าธุรกิจอื่น อย่างเช่นในอินเดีย ประเทศล๊อคดาว คือห้ามเปิดร้าน ห้ามคนออกมาเดินตามท้องถนนเลย เราก็ฟุบไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่พอเปิดประเทศ คนออกมาซื้อของ ทำให้ไก่ขาดแคลนหนักในอินเดีย
หรือแม้แต่ในจีน เราก็โดนไปอาทิตย์หนึ่ง ห้ามวิ่งรถระหว่างเมือง แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเปิดมากขึ้น ผ่อนคลายแล้วเราก็กลับมาเหมือนเดิม
- การบริโภคน้อยลงก็จริง แต่ก็ถือเป็นโอกาสในเรื่องของการส่งอาหาร บริการ Delivery
- ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เราได้จากราคาหมูที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในเวียดนามและกัมพูชา มีโรคระบาดในหมูด้วย AFS ทำให้ราคาพุ่งสูงมากกว่าเดิม
- วิกฤตโควิดเกิดขึ้น ดูเหมือนจะส่งผลเสียกับธุรกิจแต่กลับกลายเป็นว่าในร้ายก็มีดี เพราะมันทำให้เกิดนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ เช่นในเรื่องของการเลี้ยงที่สะอาด และต้องได้มาตรฐาน หลายรัฐบาลเองก็ใส่ใจในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าใครอยากจะมาเลี้ยงหมูก็เลี้ยงได้เหมือนสมัยก่อน
รัฐบาลเองก็มีการตรวจเข้ม ต้องมีฟาร์มเลี้ยง โรงเลี้ยงถูกสุขลักษณะ เพราะถ้ามันเกิดโรคระบาดจริงๆ มันจะขยายไปเร็วมาก ตรงนี้ CPF ก็ได้ประโยชน์เพราะบริษัทมีชื่อเสียงมานาน ทำมานานแล้ว
- เรื่องของเทสโก้โลตัส ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องของการผูกขาดทางการค้าหรือไม่ แต่ทางเราเชื่อว่าไม่น่าจะผิดอะไร
- CPF เข้าซื้อโลตัสในไทยและมาเลเซีย ถือหุ้น 20%
- สิ่งที่ CPF จะได้ คือ ช่องทางการขายสินค้ามากขึ้น โปรโมชั่นของการตลาดมากขึ้น อย่างเช่นเมื่อก่อน ตอน Makro ยังไม่อยู่ในเครือ ยอดขายของบริษัทอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท พอได้มาอยู่ในเครือแล้วยอดขายกระโดดขึ้นมาสูงมากๆ
- นอกจากนี้ยังได้ส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผลจากโลตัส ธุรกิจของโลตัสมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
- ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ไม่ค่อยมั่นใจกับ CPF เนื่องจากธุรกิจของ CPF ค่อนข้างผันผวน กำไรที่ได้มามีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่าง แต่ด้วยการปรับตัวของเรา การลงทุนอย่างต่อเนื่องก็เป็นบทพิสูจน์ได้แล้วว่า CPF เป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตต่อไปในอนาคต
- ในธุรกิจฟูดส์ของ CPF ช่องทางการขายไม่ว่าจะเป็น CP Freshmart ร้านเชสเตอร์ หรือว่าห้าดาว เทียบกันแล้วถือว่าสัดส่วนน้อย แต่ถ้าดูเฉพาะกลุ่มจริงๆจะเห็นว่าเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10%