มองทะลุความผันผวนเศรษฐกิจโลก ส่งกลยุทธ์การลงทุนเท่าทันทุกความเสี่ยง

มองทะลุความผันผวนเศรษฐกิจโลก ส่งกลยุทธ์การลงทุนเท่าทันทุกความเสี่ยง

ความผันผวนที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2566 ดังนั้นนักลงทุนต้องติดตามและประเมินความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด รวมถึงมองหากลยุทธ์ในการรับมือในระยะข้างหน้า เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

หากปี 2565 เป็นปีแห่งความสำเร็จของโลกในการต่อสู้กับ อัตราเงินเฟ้อ อย่างสุดกำลัง ในปีนี้ก็คงจะต้องเป็นปีที่ต้องรับผลของความสำเร็จเหล่านั้น ความพยายามในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรงเพื่อสกัดกับเงินเฟ้อเร่งตัวของ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด และประเทศต่างๆ ในปีที่ผ่านมา ถึงเวลานี้ยาแรงเริ่มออกฤทธิ์ ส่งผลกระทบมาถึงภาคธุรกิจ นำโดยภาคการเงินที่เริ่มเห็นสถาบันการเงินในสหรัฐประกาศปิดตัวลงในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่าง ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ หรือ SVB และซิกเนเจอร์ แบงก์ ไม่กี่วันต่อมาก็ลามไปถึงฝั่งยุโรป ธนาคารเครดิต สวิส ธนาคารอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ก็ล้มละลายตามมา

แม้แต่ละธนาคารจะมีทางออกไปแล้ว แต่เหตุการณ์นี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายที่มากระทบเศรษฐกิจโลก ทุกวินาทีโลกต้องพร้อมเผชิญปัจจัยใหม่ๆ ที่เข้ามาท้าทายอยู่เสมอ

ล่าสุด ธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนให้รับมือกับทศวรรษที่สาปสูญของเศรษฐกิจโลกผ่านรายงานฉบับล่าสุด ที่ได้คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกระหว่างปี 2566 จนถึงปี 2573 โดยเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 2.2% ต่อปีถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี จากวิกฤติที่เกิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่ากระทบกับศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเวิลด์แบงก์ยังมองว่า หากวิกฤติสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นนี้กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและนำไปสู่ภาวะถดถอย ก็อาจจะส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์จีดีพีที่ตั้งไว้ 2.2% ลดต่ำลงได้อีก

ทางด้านธนาคารชั้นนำในภูมิภาคเอเชียอย่าง ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มีมุมมองว่า อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2565 ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นตลาดปรับฐาน ตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับภาคการธนาคารสหรัฐที่ประสบวิกฤติความเชื่อมั่น เป็นผลจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ เฟด ที่พุ่งแรงในช่วงที่ผ่านมา และความผันผวนที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2566 นี้ ดังนั้น นักลงทุนต้องติดตามและประเมินความเสี่ยงอย่างใกล้ชิดท่ามกลางความผันผวน ยูโอบียังมองหากลยุทธ์ในการรับมือความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า และแนะนำโอกาสการลงทุนที่เท่าทันสถานการณ์

รับมือความผันผวน สร้างเสถียรภาพให้พอร์ตด้วยตราสารหนี้คุณภาพดี

ปี 2565 เป็นปีแห่งประวัติศาสตร์ ที่ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ปรับตัวลดลงและมีผลตอบแทนติดลบในระดับ 2 หลัก เฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้สหรัฐมีผลตอบแทนติดลบมากที่สุดในรอบ 53 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2513 อย่างไรก็ตาม เสน่ห์ของตราสารหนี้กลับมาน่าสนใจในการสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุน และช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตลงทุนได้ในภาวะที่เศรษฐกิจมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น

สาเหตุที่ตราสารหนี้กลับมามีเสน่ห์ในโลกการลงทุนอีกครั้งในปีนี้ เป็นผลมาจากทิศทางเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับลดลง หลังจากที่ธนาคารกลางหลายแห่งได้ปรับขึ้น ดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในปีที่ผ่านมา ประกอบกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหลังต้นทุนการเงินเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศต้องชะลอหรือหยุดการขึ้นดอกเบี้ย และอาจปรับลดดอกเบี้ยลงได้ จุดนี้เองที่ทำให้ตราสารหนี้กลับมาผงาดได้อีกครั้ง โดยเฉพาะตราสารหนี้คุณภาพดีอย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงตราสารหนี้ประเภท Investment Grade (IG) และ agency mortgage - backed securities (MBS) จะสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ไม่แน่นอน

หุ้นจีน - อาเซียนน่าลงทุนรับแรงหนุนจากชนชั้นกลาง

นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีแล้ว เวลานี้ทั่วโลกยังจับตาการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน แม้จีนจะตั้งเป้าจีดีพีปีนี้เพียง 5% แต่เชื่อได้ว่าหากการเปิดเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การเติบโตทางเศรษฐกิจก็ควรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้แน่นอน โดยสำนักวิจัยยูโอบีมองว่า ท่ามกลางความตึงเครียดของฟากฝั่งตะวันตกและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปีนี้ที่ 5.2% ตามการบริโภคที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น การสร้างความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีแก้ปัญหาการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐ การยกระดับภาคการผลิต และการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์

จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ยูโอบีมองว่าน่าลงทุน มูลค่า (Valuation) ยังน่าสนใจและเป็นแรงดึงดูดสำคัญ ขณะที่การเดินหน้าเปิดเมืองจะเป็นตัวลดแรงกระแทกจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วได้

อีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่ยูโอบีมองว่าน่าสนใจคือ "อาเซียน" ที่มีโอกาสเติบโตจากการขยายตัวของชนชั้นกลางในเอเชีย ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลก ทำให้อาเซียนมีการพึ่งพาประเทศในตลาดพัฒนาแล้วน้อยลง ระดับมูลค่าหุ้นในอาเซียนมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วยังคงสร้างความท้าทายให้กับบริษัทที่ต้องพึ่งพารายได้จากการส่งออก

Global Healthcare ยังคงเป็นโอกาสแก่นักลงทุน

สุดท้ายที่ยูโอบีมองเห็นเป็นโอกาสและอยากแนะนำนักลงทุนคือ อุตสาหกรรมด้านสุขภาพทั่วโลก เพราะในขณะที่เราเข้าสู่ปีที่สี่ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ภาคส่วนการดูแลสุขภาพทั่วโลกยังคงสร้างโอกาสสำหรับนักลงทุน อุตสาหกรรมด้านสุขภาพยังคงส่งผลดีต่อวงจรเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ถูกมองว่ามีพื้นฐานแข็งแกร่งมากที่สุด นอกจากนี้ ปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ช่วยให้คำปรึกษาทางการแพทย์ทางไกลด้วยต้นทุนที่ลดลง เป็นสิ่งที่หนุนการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว

ความผันผวนยังคงอยู่ แม้ยามนี้ปัญหาเรื่องสถาบันการเงินในสหรัฐจะซาลงไป แต่ผลจากการที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงหรือโอกาสการวกกลับของดอกเบี้ยที่จะกลับเข้าสู่ขาลง รวมถึงความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจัยเหล่านี้พร้อมปะทุขึ้นมาเมื่อใดก็ได้ ดังนั้น สำคัญที่สุดในเวลานี้คือ เรื่องของการสร้างพอร์ตที่กระจายความเสี่ยงด้วยหลักการและกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว หลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของความเสี่ยงในประเทศใดประเทศหนึ่งหรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง

ธนาคารยูโอบี มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้ ด้วยการให้ข้อมูลและกลยุทธ์การลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจในอนาคตทางการเงินอย่างชาญฉลาดด้วยทีมผู้ชำนาญการด้านการลงทุนของธนาคารยูโอบี สามารถให้คำแนะนำด้วยความใส่ใจในทุกเรื่องที่สำคัญสำหรับนักลงทุน ขณะที่นักลงทุนต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ และกระจายพอร์ตการลงทุนให้หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน