อย่าพึ่งวางใจ “หุ้นไทย” ยังเสี่ยง 1-2 เดือนข้างหน้ายัง ‘ผันผวน’… แนะกระจายเข้า “หุ้น Defensive” รับมือ !!!
Fun of Funds: ภาพการลงทุนในปี 65 เป็นปีที่นักลงทุนหลายต่อหลายคนแทบจะต้องกุมขมับกันไปในแต่ละวัน ด้วยพอร์ตการลงทุนที่มองไปทางไหนก็เจอแต่แดงไม่ว่าจะเป็นพอร์ตการลงทุนหุ้นต่างประเทศหรือในประเทศ
ซึ่งบางคนก็ช้ำใจกับการลงทุนใน “หุ้นต่างประเทศ” ที่ราคาได้มีการปรับลงจนหาจุดต่ำสุดยังไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องกลับมาซบอกหุ้นไทยเพื่อเป็นการเยียวยาหัวใจ
แต่ “หุ้นไทย” เอง ก็มีความผันผวนเช่นเดียวกันกับหุ้นต่างประเทศจนการจับจังหวะลงทุนหรือเฟ้นหาหุ้นที่น่าสนใจก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก
แม้ “หุ้นไทย” ในปีนี้ถือว่าดูแข็งแกร่ง 5 เดือนแรก +0.3% ไม่ร่วงตามตลาดต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามยัง “ไม่อาจวางใจได้” เพราะหลากหลายปัจจัยเสี่ยงยังคงกดดันหุ้นไทยให้ผันผวนได้ ทั้งอัตราเงินเฟ้อสูง (ล่าสุดประกาศออกมาเดือนพ.ค. พุ่ง 7.1% สูงสุดในรอบ 13 ปี) หรือการที่สหรัฐเดินหน้านโยบายการเงินเข้มงวด ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว หนุนเงินทุนเคลื่อนย้าย ก็ตาม
เพื่อเป็นตัวช่วยให้แก่นักลงทุนในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ ก็ได้มีมุมมองตลาดและคำแนะนำการลงทุนใน “หุ้นไทย” จากผู้เชี่ยวชาญมาฝากให้แก่ผู้อ่านและผู้ที่สนใจกันในครั้งนี้
ศก.ไทยมีความเสี่ยงจาก “เงินเฟ้อสูง” กดดันทิศทางดอกเบี้ย...ในขณะที่ “เปิดประเทศ” เป็นปัจจัยหนุนสำคัญ
โดย “บดินทร์ พุทธอินทร์” ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน TMBAM Eastspring ให้มุมมองว่า เศรษฐกิจไทยมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อที่ขึ้นมาสู่ระดับ 4-5% ก็เป็นตัวกดดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นแต่บริบทของประเทศไทยมีความแตกต่างจากสหรัฐฯ ที่มีความพร้อมในการปรับขึ้นดอกเบี้ย
“ซึ่งหนี้สาธารณะหรือหนี้ครัวของไทยยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดันให้ความสามารถในการชำระหนี้หายไป รวมไปถึงในส่วนของภาคการบริโภคที่ปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ไม่แข็งแรง ซึ่งถ้าปัจจัยของดอกเบี้ยขาขึ้นก็อาจส่งผลให้ภาคการบริโภคถดถอยลง”
สำหรับปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนหรือสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเป็นในการ “เปิดเมืองเปิดประเทศ” โดยปัจจุบันก็ได้มีการปรับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เป็น 7 ล้านคน จากเดิม 5 ล้านคน ทำให้จะเป็นสนับสนุนในการรจับจ่ายใช้สอยในประเทศอีกหนึ่งด้านอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นตัวช่วยให้เศรษฐกิจก็คือ นโยบายของภาครัฐที่เป็นตัวประคับประคองกำลังซื้อ
ชี้ “หุ้นไทย” น่าสนใจยัง Laggard ตลาดสหรัฐฯ...แนะกระจายเข้า “หุ้น Defensive” รับมือความผันผวน
“และด้วยปัจจัยหนุนข้างต้นประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้จะสามารถรักษาระดับได้และด้วย P/E ที่ 16 เท่า บนสมมุติฐานการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ 7% ซึ่งตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฯ ก็ประเมินว่ายังค่อนข้าง laggard”
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี 65 เราจึงมองว่าเป็นที่น่าสนใจและสามารถเป็นตัวเลือกกระจายการลงทุนให้แก่พอร์ตการลงทุนได้ โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจจะกลุ่ม “หุ้น Defensive” ทนทานต่อความผันผวนได้ อาทิ หุ้นกลุ่มสินค้าจำเป็น หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค
คาด “หุ้นไทย” ยังผันผวนช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า...แนะหุ้นธีม ‘Re-opening’ & ‘Value & Dividend’ รับมือ
ด้าน “อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่า สารพัดปัจจัยลบยังคงกดดัน “หุ้นไทย” อยู่ แนะนำนักลงทุน “ระมัดระวัง” ต่อแนวโน้มการลงทุนในช่วง 1 - 2 เดือนข้างหน้า จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐฯ ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและการเริ่มดึงสภาพคล่อง ขณะที่ Real Yield ที่กลับมาเป็นบวก น่าจะทำให้เกิดความผันผวนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายและราคาสินทรัพย์เสี่ยงอยู่พอสมควร
“สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้ลงทุนหุ้นธีม ‘Re-opening’ แนะนำ BDMS, BEM, MAJOR และหุ้น ‘Value & Dividend’ แนะนำ AP, EGCO นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดีมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือ JMT (คาดเข้า SET50) เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นในเดือนมิถุนายนที่แนะนำ คือ AP, BDMS, BEM, EGCO, JMT และ MAJOR ด้านแนวรับสำคัญของหุ้นไทยเดือนนี้อยู่ที่ 1,620 - 1,625 จุด และแนวรับต่อไปที่ 1,600 - 1,610 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,670 จุด และ 1,680 - 1,685 จุด ตามลำดับ”
“แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ‘ตลาดหุ้นไทย’ ยังตามหลังตลาดหุ้นที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา แต่ในความโชคดีก็มาพร้อมกับ ‘ปัจจัยเสี่ยง’ ที่พร้อมจะเขย่าตลาดหุ้นไทยได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตามก็ยังเป็น ‘โอกาส’ ให้นักลงทุนเข้ามาแสวงหาผลตอบแทนได้เช่นกัน”