ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องภาพรวมเศรษฐกิจโลกและไทยในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา

โดย ROE
เผยแพร่ :
63 views

ส่องภาพรวมเศรษฐกิจโลกและไทยในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา

เริ่มเข้าใกล้ปลายปีเข้ามาทุกที เศรษฐกิจยังเป็นเรื่องที่ยังถูกให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะรัฐบาลของบิ๊กตู่ เพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศ รักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ รวมถึงการแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้าน

เศรษฐกิจไทยปัจจุบันได้รับผลกระทบทั้งปัจจัยภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังสามารถรักษาเสถียรภาพการเงินได้อย่างมั่นคง โดย IMF ได้คาดการณ์ GDP ของประเทศไทยไว้ที่ร้อยละ 4.6 โดยที่ในกลุ่มประเทศ EM จะมี GDP เฉลี่ยร้อยละ 4.7 ขณะที่ GDP เฉลี่ยของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ที่ร้อยละ 2.4 และ World GDP เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถมาตรฐาน และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่นักลงทุนยังต้องติดตาม เพื่อที่สามารถเข้าใจและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้นได้

.

เริ่มต้นกันที่ “สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน” ยังเป็นปัจจัยที่ยังกดดันต่อตลาดทุนทั่วโลกตั้งแต่ต้นปี สำหรับนโยบายการกีดกันทางด้านการค้าระหว่างสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุด FT.com (15 ธ.ค. 61) ได้รายงานว่า สหรัฐได้ชะลอการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเอาไว้ชั่วคราว ซึ่งส่งสัญญาณลดความตรึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ตลาดดาวน์โจนส์บวกขึ้นตอบรับข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนในการแก้ปัญญาการค้าระหว่างสองประเทศ ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งจะยังส่งผลให้กดดันตลาดทุนทั่วโลกต่อไป

.

นอกจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจแล้ว สหรัฐยังได้เผชิญกับ “ผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งล่าสุด” โดยพรรคเดโมแครตพลิกกลับมาครองเสียงข้างมาในสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งเป็นผลให้รัฐบาลของ ปธน.ทรัมป์ สั่นคลอน ถึงแม้ว่าพรรครีพับบลิกันยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาอยู่ อย่างไรก็ตาม จากผลการเลือกตั้งดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐบาลปัจจุบันมีข้อจำกัดและทำงานได้ยากขึ้น ส่งผลให้กระแสการต่อต้าน ปธน. ทรัมป์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

.

ซีกฝั่งภูมิภาคยุโรปก็ยังมีปัจจัยที่กดดันตลาดทุนทั่วโลกเช่นกัน อย่างในกรณี “BREXIT” ที่ยังล่าสุดยังส่อเค้าวุ่นอีกรอบ หลังจากที่มีรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ ทยอยลาออก เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่นางเมย์ได้ทำกับสหภาพยุโรป หรือ EU โดยให้เหตุผลว่า ข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษจาก EU ดังกล่าว ไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนที่โหวตให้ออกจาก EU อย่างเด็ดขาด ตามการลงประชามติเมื่อปี 2559 อย่างไรก็ตาม นางเมย์ ยังยืนกรานว่าข้อตกลงดังกล่าว จะส่งผลดีต่อประชาชนชาวอังกฤษ และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับสหภาพ EU ต่อไปได้ นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรีหญิง ยังปฏิเสธข่าวการลาออกจากตำแหน่ง พร้อมให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อทำให้ข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU ได้สำเร็จ ผลจากความแตกแยกของรัฐบาลอังกฤษดังกล่าว ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ต่อเหรียญสหรัฐ อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง

.

นอกจากปัจจัยทางด้านต่างประเทศแล้ว กลับมาที่ปัจจัยภายในประเทศ อย่าง "การคงอัตราดอกเบี้ย" นโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ได้ประกาศผลการประชุมเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 61 โดยให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% เท่าเดิม เพื่อให้สะท้อนอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ด้วยคะแนน 4 ต่อ 3 เสียง อย่างไรก็ตาม ผลการคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มที่ กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักได้ให้ความเห็นว่า มีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะมีการปรับขึ้นในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า เพื่อรักษาระดับผลต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและอัตราดอกเบี้ยของไทยให้ไม่มากนัก ...


ROE