ห้องเม่าปีกเหล็ก

โบรกคาด'ล็อกดาวน์'14วัน เอาไม่อยู่จ่อหั่น 'กำไรบจ.' ปีนี้

โดย OttO
เผยแพร่ :
66 views

โบรกคาด'ล็อกดาวน์'14วัน เอาไม่อยู่จ่อหั่น 'กำไรบจ.' ปีนี้

 “เมย์แบงก์ฯ-ซีจีเอสฯ " ชี้หากมาตรการล็อกดาวน์ 14 วัน คุมไม่อยู่ต้องล็อกดาวน์เพิ่ม มีโอกาสหั่นเป้ากำไรบจ.ปี 64   “เอเชียพลัส” ประเมินผลกระทบยังจำกัดใน 4 กลุ่ม ลุ้นผลมาตรการ   

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิม​เอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากมาตรการล็อกดาวน์ 14 วัน รอบใหม่ ด้วยมาตรการยังคล้ายปีก่อนแต่จำกัดพื้นที่ควบคุม 10 จังหวัด ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตอนนี้กระจายทั่วประเทศในหลายพื้นที่  อีกทั้งยังมีการตรวจเชิงรุก ทำให้คาดยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังเพิ่มในระดับสูงประกอบกับยังมีความกังวลต่อประสิทธิภาพวัคซีนในการรับมือเชื้อกลายพันธุ์และยอดผู้ติดเชื้อใหม่อาการโคม่าเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อโรงพยาบาล 

ทั้งนี้จึงมองว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ครั้งนี้ ไม่น่าจะคุมได้ แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของมาตรการต้องรอประเมินอีกครั้งว่าสุดท้ายแล้วจะผ่อนคลายได้หรือไม่ แต่แน่นอนว่า จะเป็นแรงกดดันต่อผลประกอบการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 3 ปี2564 และคาดการณ์กำไรบจ. ปี 2564 มีโอกาสปรับลดลงได้บ้าง จากที่คาดการณ์ไว้ราว 950,000 ล้านบาท    

สำหรับมาตรการล็อกดาวน์รอบนี้ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางตรง คือ การบริโภคในประเทศ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร  ปิดสาขาหรือเปิดบางเวลา ส่วนทางอ้อมยังเป็นกลุ่มท่องเที่ยว เพราะโอกาสเปิดประเทศล่าช้าออกไป จากปัจจัยประสิทธิภาพวัคซีนที่จะมารับมือเชื้อกลายพันธุ์ รวมถึงกลุ่มธนาคาร ที่อาจต้องมีการตั้งสำรองหนี้้สูญเพิ่มเติม

“มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่นี้ แน่นอนว่า เป็นแรงกดกำไรบจ. ทั้งเดือนก.ค.คิดเป็น 1 ใน 3 ของไตรมาสแล้ว ในอีกสองเดือนที่เหลือจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่ว่า 14 วันนี้ จะคุมและปลดล็อกได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ผลกระทบจำกัดในบางเซ็กเตอร์เท่านั้น และติดตามผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ ที่บจ.กำลังจะประกาศ ชัดเจนว่า ได้ผลกระทบโควิดระลอก3ในช่วงแรกอยู่แล้ว มองว่าเป็นโอกาสที่นักวิเคราะห์จะใช้ปรับคาดการณ์กำไรบจ.ทั้งปีนี้ดาวน์ไซด์ลงบ้าง"  

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอ​เอ็มบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ส่วนตัวคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วง14 วันนี้ ทำให้อาจจะต้องมีการล็อกดาวน์เพิ่ม  ซึ่งหากเป็นไปตามคาด มีโอกาสที่บริษัทจะมีการปรับลดเป้าบจ.ปี2564ลง จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 567,000 ล้านบาท (บจ.กว่า100 บริษัท คิดเป็นมาร์เก็ตแคป 70-80%)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.  เอเซีย พลัส กล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ คาดการณ์ผล กระทบต่อกำไรบจ. ยังเป็นแรงกดดันในไตรมาส 3 นี้ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มเช่าซื้อ รวมถึงกลุ่มแบงก์ ที่นโยบายการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจชะลอตััว       

ขณะเดียวกันคาดกำไรบจ.ในภาพรวมจะแตะจุดต่ำสุดของปีในไตรมาส 3 ปี 2564  เนื่องจากมี4 กลุ่มเซ็กเตอร์ที่กำไรน่าจะถูกกดดันมากสุด คือยานยนต์ มีเดีย ขนส่ง และรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเคยพลิกขาดทุนในไตรมาส2ปี2563ซึ่งอยู่ในช่วงมาตรการล็อกดาวน์

อย่างไรก็ตามแม้ว่ามาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่นี้ จะเป็นแรงกดดันต่อการปรับกำไรบจ.ปีนี้มีดาวน์ไซด์ แต่ในส่วนที่เราคาดการณ์ไว้ทั้งปีนี้ที่ 805,000 ล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับที่อื่น ดังนั้น ผลกระทบรอบนี้ที่ยังจำกัดในบางกลุ่มทำให้อาจไม่มีนัยสำคัญต่อการปรับประมาณการณ์ แต่ต้องติดตามมาตรตการล็อกดาวน์รอบนี้ก่อนว่าจะสามารถคุมได้หรือไม่ เพราะยังเพิ่งเริ่มใช้

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


OttO