What is Next? แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
ดิฉันค้นคว้าหาข้อมูลมาเขียนเรื่อง BREXIT แล้วรู้สึกว่าคนอังกฤษ (อันที่จริง คือ สหราชอาณาจักร เพราะรวม สก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือด้วย) คงรู้สึกเหมือนตัวเองฝันร้าย ตอนที่ไปลงประชามติเมื่อเกือบสามปีก่อน เขามุ่งคิดแต่ว่า ไม่อยากรับผู้อพยพอย่างเดียว ตามที่นักการเมืองบางคนพูดฝังความคิดเอาไว้ จนลืมนึกถึงผลอื่นๆที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพ ความสะดวกสบาย ฯลฯ
นับตั้งแต่นั่นมา ค่าเงินปอนด์อ่อนไป 13-14% สินค้านำเข้าก็แพงขึ้นในอัตราเดียวกัน ธุรกิจข้ามชาติก็ย้ายฐานไปอยู่ประเทศอื่นกันหลายสิบแห่ง
ตอนนี้ก็ยืดเยื้อกันไป พอถึงเวลาต้องรับข้อตกลง นักการเมือง (ที่เคยยุให้ลงประขามติว่าให้ออกจากอียู) ก็ไม่เห็นจะสนใจอะไร ไม่ยอมลงคะแนนให้ผ่านเสียที นี่ถ้าสภาอียูเขาไม่ยอมให้เลื่อนการรับข้อตกลง วันที่ 29 มีนาคมนี้ ก็จะต้องลาจากกันโดยไม่มีข้อตกลง หมายความว่า ต่อไปหลังจากนี้ คนอังกฤษจะไปเที่ยวหรือ ไปติดต่อธุรกิจในอียู จะต้องขอวีซ่า!! และต้องทำประกันภัย (เหมือนที่คนไทยต้องไปทำเลยค่ะ) ต่างจากปัจจุบันที่อียูรับรองการคุ้มครองของอังกฤษ เพราะฉะนั้น เดินทางไปในอียู ก็เสมือนเดินทางในประเทศของตัวเอง ไม่ต้องทำประกันพิเศษเพิ่มแต่อย่างใด
นี่ยังไม่ได้รวมถึงภาษีและอากรขาเข้าของสินค้านำเข้าและส่งออกจากอังกฤษนะคะ
หลายคนปรารภว่า อยากกลับไปลงประชามติใหม่. คราวนี้จะเลือกว่าจะอยู่กับอียูค่อไป เพราะการออกไปนั้น ทรมานเหลือหลาย...
เล่าเป็นอุธาหรณ์ ก่อนไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งวันอาทิตย์นี้ อย่าลืมนึกให้ครบว่า หากผลออกมาแต่ละกรณี จะเกิดอะไรขึ้น
ถามตัวเองว่า “What is Next?” ในทุกๆกรณีที่จะเกิดขึ้น แล้วจะสบายใจที่จะลงคะแนนค่ะ cr Wiwan Tharahirunchote