คัดหุ้นเด่นได้ผลบวก! กพช.รับซื้อไฟฟ้า
จากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มอีก 3,668.5 MW
โบรกฯ ชี้บจ.ที่เข้าร่วมอาจได้รับคัดเลือกทุกราย

.
นับว่าเป็นข่าวดีให้แก่หุ้นโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม หลังจากที่วานนี้ (9 มี.ค.) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแผนการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายใต้แผน PDP2561 Rev. 1 เป็น 12,700 เมกะวัตต์ จากเดิม 9,996 เมกะวัตต์
.
แต่ข่าวดีดังกล่าวจะมีผลต่อหุ้นโรงไฟฟ้าในทิศทางใดและจะมีหุ้นตัวใดที่น่าสนใจ ในวันนี้ทาง Wealthy Thai ก็ได้ทำการรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ มานำเสนอให้แก่นักลงทุนที่สนใจและผู้อ่าน
.
โดยบทวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มุมมองถึงกรณีที่มีการรวมกำลังผลิตที่เปิดรับซื้อเพิ่มเข้าไปในการรับซื้อไฟฟ้ารอบปัจจุบัน จะส่งผลให้ปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแต่ละประเภทเป็นดังนี้ กำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินเป็น 5,000 เมกะวัตต์ จากเดิม 2,368 เมกะวัตต์
.
ขณะที่กำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมเป็น 2,500 เมกะวัตต์ จากเดิม 1,500 เมกะวัตต์ ,กำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพเป็น 341.5 เมกะวัตต์ จากเดิม 335 เมกะวัตต์ ,กำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเป็น 130 เมกะวัตต์ จากเดิม 100 เมกะวัตต์และกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีระบบกักเก็บพลังงานจำนวน 1,000 เมกะวัตต์ (ไม่มีการรับซื้อเพิ่ม)
.
โดยจะส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรงน้อยลงมากและทำให้มีโอกาสสูงที่บริษัทในกลุ่มโรงไฟฟ้าซึ่งมีกำลังผลิตที่ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคขั้นต่ำจะได้รับคัดเลือกทุกราย โดยคาดเห็นแรงเก็งกำไรในกลุ่มที่มีกำลังผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ เช่น GULF, GUNKUL, SSP, และ BCPG เป็นลำดับแรก เนื่องจากเดิมเป็นประเภทที่มีการแข่งขันสูงที่สุดและเป็นประเภทที่มีการเปิดรับซื้อเพิ่มมากที่สุด
.
อย่างไรก็ดีแม้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามีโอกาสถูกกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯระยะ 10 ปี ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มฯที่ “มากกว่าตลาด” เนื่องจากแรงเก็งกำไรที่เกิดขึ้นจากการประกาศผลการคัดเลือกโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่และการเพิ่มปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจะทำให้กลุ่มโรงไฟฟ้ามีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด
.
โดยหุ้นเด่นเป็น GULF ราคาเป้าหมายที่ 62.25 บาท เนื่องจากเป็นผู้ที่มีโอกาสได้รับกำลังผลิตจากการรับซื้อรอบดังกล่าวมากที่สุดและเมื่อประกอบกับกำไรที่มีแนวโน้มเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนในทุกไตรมาสปี 2566 ทำให้หุ้นมีโอกาส Outperform กลุ่ม
.
ส่วนอีกหนึ่งตัวเป็น SSP ราคาเป้าหมายที่ 14.40 บาท เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ซื้อขายบน PER2566 เพียง 11 เท่า และมีโอกาสได้รับกำลังผลิตเพิ่มไม่ต่ำกว่า 50 เมกะวัตต์ (ไม่ต่ำกว่า20% ของกำลังผลิตในปัจจุบัน)
.
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า กพช.เปิดรับซื้อไฟฟ้าประเภทไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มอีก 3.6 กิกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2.6 กิกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 1 กิกะวัตต์ จะเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ผลิตไฟฟ้าที่ยื่นขอผลิตไฟฟ้าไปเมื่อปลายปีก่อน อย่าง GUNKUL และ GULF
.
ฟากบทวิเคราะห์จากบล.กสิกรไทย ให้มุมมองบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน หลังจากเมื่อวาน กพช. มีมติเปิดรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 65-73 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าประเภทไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มเติมอีก 3,668.5 เมกะวัตต์ หลังจาก กกพ. ได้เปิดรอบแรกไปแล้ว จำนวน 5,203 เมกะวัตต์ ซึ่งประเมินเป็นผลบวกต่อหุ้น GULF ให้ราคาพื้นฐานที่ 54.5 บาท ,GUNKUL ให้ราคาพื้นฐานที่ 4.65 บาท และ SSP ให้ราคาพื้นฐานที่ 12.2 บาท