รมช.คมนาคม สั่งศึกษาสร้างทางด่วนระดับภูมิภาค พร้อมต่อขยายด่วนบางนา-ชลบุรีหนุน EEC
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและมอบนโยบาย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า ภาพรวมการดำเนินงานของ กทพ.มีผลประกอบการที่ดี มีความเข้มแข็ง แผนงานโครงการมีความชัดเจน เป็นระบบทางด่วนที่ช่วยด้านการจราจรของคนกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีแผนจะสร้างทางด่วนเพิ่มเติมในเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต จึงมอบหมายให้มองไปที่ภูมิภาคอื่นให้ครอบคลุมด้วย เช่น เชียงใหม่ และภาคอีสาน
นอกจากนี้ ในการให้บริการระบบทางด่วนนั้น ควรเป็นโครงข่ายที่แบบไร้รอยต่อ ซึ่งได้ให้นโยบาย กทพ.ศึกษา ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ในการต่อเชื่อมทางด่วนบางนา-ชลบุรี ซึ่งปัจจุบันสิ้นสุดเส้นทางที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรม อมตะนคร ทำให้บริเวณนั้นมีความแออัดมาก หากสามารถต่อขยายเส้นทางออกไปน่าจะทำให้ดีขึ้น โดยมองว่าทางด่วนสายนี้จะเป็นเส้นทางที่ช่วยรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ได้โดยต่อออกไปถึงบริเวณบ้านบึง เชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 331 และเป็นใจกลางของ EEC และเป็นจุดสำคัญที่มีแหล่งนิคมอุตสาหกรรมอีกด้วย
สำหรับการปรับขึ้นค่าทางด่วนนั้น เป็นการดำเนินการตามสัญญาสัมปทาน ส่วนการระดมทุนจากกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) เพื่อลงทุนก่อสร้างทางด่วนสายพระราม3-ดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอกนั้นอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญที่ควรเร่งดำเนินการเพื่อช่วยระบายการจราจรจาก กทม.ไปยังภาคใต้
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]
แบงก์ชาติอังกฤษมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% ตามคาด
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: [email protected]
ภาวะตลาดอนุพันธ์: พุ่งแรงทำนิวไฮขานรับศก.ปีหน้าโต โบรกฯอัพเกรดดัชนี SET ปี 61,ราคาทองคำพลิกดีดขึ้น
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Index Futures วันนี้ปรับ
ตัวขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 1,111 จุด และปิดบวกทำสถิติสูงสุดใหม่สำหรับ S50Z17 มองแนวโน้มตลาดพรุ่งนี้ปรับตัวขึ้นต่อ
แนะนำให้เล่นฝั่ง long โดยให้แนวต้านที่ 1,118 และ 1,120 จุด และหากถือยาวเป็นระยะสัปดาห์ให้แนวต้านที่ 1,150 จุด
ปัจจัยที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นรอบนี้ มองว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปีหน้าเติบโตได้มากกว่า 4% (สภาพัฒน์ ประเมินปีนี้
GDP โต 3.9% และปี 61 โต 3.6-4.6%) โดยมีการเติบโตทุกด้าน ทั้งการลงทุนภาครัฐ การส่งออก การบริโภคในประเทศ และ
สภาพคล่องในตลาดยังมีอยู่สูง รวมทั้งโบรกเกอร์หลายแห่งได้ปรับเพิ่มขึ้นการเติบโตของกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขณะที่
บล.ธนชาต ได้ปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 61 เป็น 1,900 จุด จากเดิมคาดไว้ที่ 1,830 จุด
อย่างไรก็ตาม ให้แนวรับไว้ที่ 1,108 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,100 จุด ให้เป็นจุดที่ถอยหนีก่อน
ส่วนราคาทองคำวันนี้กลับมาปรับตัวขึ้น บริษัท วายแอลจี บุลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า การแสดงความ
ระมัดระวังต่อภาวะเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กดดันดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงจนหนุนให้ราคาทองคำฟื้น
ตัวขึ้น แต่ราคาดีดตัวขึ้นได้ไม่มาก เพราะธนาคารกลางขนาดใหญ่มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเฟด เห็นได้จากธนาคารกลางจีนได้
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเฟดทันที
ขณะที่นักลงทุนติดตามการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)ในวันนี้ ซึ่งอาจจะแสดงความเห็นในเชิงคุมเข้มนโยบาย
การเงินตามเฟดเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวยังกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย และส่งผลต่อการ
เคลื่อนไหวของราคาทองคำ
ในระยะสั้นหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเพื่อหวัง
ทำกำไรจากการดีดตัวอีกครั้ง ทั้งนี้ ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำว่าหากราคาขยับขึ้นให้จับตาโซนแนวต้าน
ระดับ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพราะหากราคาทองคำทดสอบโซนดังกล่าวแต่ยังไม่สามารถขึ้นไปยืนได้ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้
น้อยอาจแบ่งขายบางส่วนในลักษณะทยอยขาย
ดัชนี SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,111.49 จุด เพิ่มขึ้น 7.34 จุด, +0.66%
ปริมาณ สถานะคงค้าง
Total Market 369,738 2,798,045
Total Futures 363,975 2,688,669
SET50 Index 95,139 362,358
Sector Index - -
Single Stock 245,230 2,219,901
Precious Metal 20,545 76,803
- GF10 19,132 71,979
- GF50 1,413 4,824
Deferred Precious Metal 1,194 2,165
- GOLD-D 1,194 2,165
Currency 1,839 26,916
Interest Rate - -
Agriculture 28 526
Total Options 5,763 109,376
Call 2,616 49,457
Put 3,147 59,919
สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน
นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ
Futures -66,024 +5,858 +60,166
Options -533 +384 +149
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]
ริพเพิลพุ่งกว่า 7,000% จากต้นปี ขึ้นแท่นเงินดิจิทัลมาร์เก็ตแคปสูงสุดอันดับ 4 แซงหน้าไลท์คอยน์
ริพเพิล ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้น 37.5% แตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ที่ 51.37 เซนต์ ส่งผลให้ริพเพิลมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.823 หมื่นล้านดอลลาร์ แซงหน้าไลท์คอยน์ และกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
ริพเพิลทะยานขึ้นมากกว่า 7,000% จากต้นปีนี้ ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่าเพียง 0.65 เซนต์
สกุลเงินดิจิทัลมีมากกว่า 1,000 สกุลทั่วโลก และขณะนี้ต่างก็ดีดตัวขึ้น โดยได้อานิสงส์จากการที่คณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐ มีมติอนุมัติให้เปิดการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในตลาด CBOE Global Markets Inc และ Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
การที่บิตคอยน์ได้รับการยอมรับจากตลาดการเงินขนาดใหญ่ของโลกในฐานะตราสารอนุพันธ์ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในพัฒนาการของบิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลในการเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้บิตคอยน์ถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่มีหน่วยงานเข้ากำกับดูแล และมีการปรับตัวที่ผันผวน รวมทั้งถูกมองว่าเป็นแหล่งฟอกเงินของกลุ่มมิจฉาชีพ
ขณะนี้ บิตคอยน์มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.87 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก
ทั้งนี้ ไลท์คอยน์ และอีเธอเรียม ซึ่งต่างก็เป็นสกุลเงินดิจิทัล สามารถพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคาร ขณะที่ริพเพิลเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อวานนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: [email protected]