“ทองคำ” เข้าสู่ขาลงสมบูรณ์แบบ ผู้ค้าทอง แนะลงทุน “Gold Futures” หวังช่วยสร้างกำไรในภาวะขาลง
วานนี้ราคาทองคําปรับตัวลงค่อนข้างรุนแรง โดยลดลงจากบริเวณ 1,810 เหรียญ ลงมาทําจุดตํ่าสุดใหม่ที่บริเวณ 1,763 เหรียญ จากปัจจัยกดดันหลายประเด็น ทั้งค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี จากความกังวลเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปี หลังนักลงทุนแห่เข้าซื้อในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หลายรายการที่ปรับตัวลง และกองทุนทองคํา SPDR ที่ถือครองทองคำลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้ปรับตัวลดลงกว่า 2% ดังนั้น ในระยะสั้นและกลางราคาทองคำจะมีทิศทางเป็นอย่างไร นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบไหน วันนี้ Wealthy Thai มีความเห็นจากผู้ค้าทองมาฝาก
โดย นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำว่า ตอนนี้ระยะสั้นกับระยะกลางราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาลง หลังจากวานนี้ (5 ก.ค. 65) หลุด 1,800 เหรียญ และ 1,780 เหรียญ หากภายในวันนี้ (6 ก.ค. 65) ราคาทองคำไม่สามารถปิดเหนือระดับ 1,780 เหรียญได้ นับเป็นการยืนยันว่าทองคําเริ่มเข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาลงอย่างสมบูรณ์ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง
“วานนี้ราคาทองคำตกลงค่อนข้างมาก แต่ก่อนจะปรับตัวลงเมื่อวาน ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองปรับตัวลงต่อเนื่อง จากระดับ 1,860 เหรียญ ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ซึ่งวานนี้ราคาทองคำปรับลงประมาณ 40 จุด ซึ่งราคาที่หลุดลงมา ส่งผลให้ภาพระยะสั้นและกลางกลายเป็นขาลง โดยไตรมาส 2/65 ราคาทองคำปรับลงมาประมาณ 6% ไม่มากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ ที่ปรับตัวลงราว 20-60% ดังนั้นถือว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ควรกระจายพอร์ตลงทุนไว้ประมาณ 10-15%”
สำหรับปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ คือ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการประชุมในสิ้นเดือนก.ค. นี้ ส่วนใหญ่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.75% ส่วนการประชุมที่เหลืออีก 3-4 ครั้ง คาดว่าภาพรวมเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยน่าจะไปอยู่ที่ 3.5% ซึ่งหมายความว่าปัจจัยกดดันราคาทองคำในทิศทางขาลงยังมีอยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน ในภาวะที่ตลาดทองคำผันผวนแบบนี้ นักลงทุนต้องประเมินแนวโน้มตลาดและต้องทำความเข้าใจว่าทองคำเป็นขาลง โดยสามารถใช้ Gold Futures เพื่อสร้างผลตอบแทนในช่วงที่ราคาทองคำผันผวนได้ ระยะสั้นให้แนวต้าน 1,820 เหรียญ ส่วนแนวรับ 1,760 เหรียญ อย่างไรก็ตาม ระยะกลางถึงระยะยาวประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับลงต่อ
ด้านราคาทองคำไทย แม้ค่าเงินบาทในช่วง 2-3 วันจะอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วหลุด 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาทองคำของสมาคมทองคำไทยตก แต่ไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดโลก จึงทำให้ราคาทองคำไทยยังยืนเหนือระดับ 30,000 บาทต่อบาททองคำได้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุน สามารถทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวมาก และขายทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาปรับขึ้น