ห้องเม่าปีกเหล็ก

ทิสโก้มองเป้าดัชนีมิ.ย.

โดย Durant
เผยแพร่ :
52 views

ทิสโก้มอง"การเมืองชัด"หนุนเป้าดัชนีมิ.ย. 1,680 - 1,690 จุด คาดเฟดหั่นดอกเบี้ย19 มิ.ย.นี้

 

บล.ทิสโก้มองดัชนีหุ้นไทยเดือนมิ.ย.แกว่ง 1,680 - 1,690 จุด   ปัจจัยหนุน”การเมืองชัด-รัฐบาลใหม่เร่งอัดฉีดงบ” แต่ฉนวนสงครามการค้า-เศรษฐกิจในประเทศโตต่ำยังฉุดให้ดัชนีขึ้นไม่มาก จับตาฟันด์โฟลว์ คาดเฟดเริ่มหั่นอัตราดอกเบี้ย 19 มิ.ย.นี้ 

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์  (บล.)ทิสโก้ กล่าวว่า บล.ทิสโก้ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยในเดือนมิถุนายนในช่วงต้นเดือนจะแกว่งตัวในกรอบ 1,620 - 1,630 จุด จากนั้นจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นไปซื้อขายอยู่ในกรอบ 1,680 - 1,690 จุด โดยมีปัจจัยบวกจากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งประเมินว่าภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลจะเห็นการเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจ หลังหลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีเสถียรภาพและอาจอยู่ในวาระได้ไม่นาน

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัจจัยบวกจากประเด็นการเมืองแต่ดัชนีหุ้นไทยอาจปรับขึ้นจากปัจจุบันได้ไม่มาก เนื่องจากยังมีปัจจัยลบจากสงครามการค้า ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศก็ยังออกมาไม่ดีนัก ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย โดยหลังจากนี้แนะนำให้นักลงทุนจับตาแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ เพราะแม้นักลงทุนต่างชาติหลายกลุ่มจะให้ข้อมูลว่ายังไม่มั่นใจนักกับตลาดหุ้นไทย เพราะเกรงเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้าม จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่เพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนถึงแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหุ้นเด่นในเดือนมิถุนายน ได้แก่  SCB , TMB , AEONTS, CBG, ROJNA, SEAFCO , TRUE   และ Sส่วนหุ้นแนะนำที่อิงกับเมกะเทรนด์ของประเทศ และผลประกอบการดี ได้แก่ CK, STEC, UNIQ, AMATA, WHAและ MAJOR

 

นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับมุมมองหุ้นต่างประเทศนั้น ประเมินว่าหุ้นทั่วโลกอาจปรับตัวลงจากนี้ไม่มากนัก เพราะตลาดได้รับรู้ข่าวร้ายจากประเด็นสงครามการค้าไปมากแล้ว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางต่างๆ เริ่มใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ตลาดคาดการณ์ว่า ในการประชุมวันที่ 19 มิถุนายน 2562 นี้ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และจะปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในช่วงที่เหลือของปี สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา

 

“หาก Fed ปรับลดดอกเบี้ยจริงจะทำให้สภาพคล่องโลกยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นอยู่ แต่เตือนให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในหุ้น เพราะหลังจากที่ Fed ปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว หุ้นทั่วโลกมีโอกาสขึ้นต่อเนื่องเพียง 1-2 วัน และหลังจากนั้นจะเริ่มปรับตัวลดลง เพราะการที่ Fed ปรับลดดอกเบี้ย ย่อมสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่เติบโตชะลอตัว แต่สำหรับหุ้นไทยนั้นไม่น่าเป็นห่วงนัก เพราะมีปัจจัยบวกเรื่องความชัดเจนทางการเมืองและการลงทุนในประเทศคอยหนุนอยู่” นายวิวัฒน์กล่าว

 

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant