"ต้านไม่ได้ ก็จงเข้าร่วม" XSpring Digital, KTX,INVX TDX, GULF แห่เปิดกระดานคริปโท

════════════════
ในที่สุด
เราก็มาถึงวันที่ได้เห็นผู้เล่นในโลกการเงินดั้งเดิมแห่ตบเท้าเข้าสู่โลก “สินทรัพย์ดิจิทัล” ในฐานะ “ผู้ให้บริการกระดานเทรด” ตามหลังเหล่าสตาร์ทอัพที่เป็นหน่วยกล้าตายลองผิดลองถูกไปก่อนแล้วเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน!
.
ผู้เล่นในโลกการเงินดั้งเดิม ไม่ได้ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับสินทรัพย์ดิจิทัลเหมือนอดีต แต่ในทางกลับกันพวกเขามองเห็นโอกาสจากการสร้างรายได้ในธุรกิจนี้ โดยเฉพาะการเป็นผู้ให้บริการซื้อขายเหรียญดิจิทัล
.
เราจึงได้เห็นผู้เล่นหลายรายกระโดดเข้ามาเป็น “ผู้ให้บริการกระดานเทรด” ตามหลังเหล่าบริษัทสตาร์ทอัพที่ได้เป็น “หน่วยกล้าตาย” ลองผิดลองถูกมาก่อนแล้วเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน โดยเฉพาะสองรายสัญชาติไทยคู่ดูโอ้อย่าง Bitkub และ SatangPro ของ “ท๊อป” จิรายุส กับ “หนึ่ง” ปรมินทร์ ที่เปิดให้บริการมาในยุคแรกๆ ตั้งแต่บ้านเรายังไม่มีกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล
.
ซึ่งในขณะนั้น ก็มีผู้ให้บริการกระดานซื้อขายหลายรายทำไปก่อนแล้ว และก็ค่อยมาทยอยขอใบอนุญาตตามหลัง เพราะกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลออกมาตามหลังในเดือน พ.ค.ปี 2561 ยุคของ “รพี สุจริตกุล” เลขาธิการ ก.ล.ต.ในขณะนั้น ต้องบอกว่าเป็นกฎหมายที่ใช้เวลาร่างไม่ถึงปีก็ออกบังคับใช้แล้ว ส่วนหนึ่งก็ด้วยกระแสของสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกที่มาแรงมาก ภาครัฐจำเป็นต้องรีบออกกฎมากำกับดูแล เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมและควบคู่ไปกับการคุ้มครองผู้ลงทุน
.
ยุคแรกๆ มีแต่บริษัทสตาร์ทอัพของคนรุ่นใหม่ที่อายุอานามแทบจะไม่ถึง 30 ปี พวกเขาได้เห็นเทรนด์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนและการเกิดขึ้นของคริปโทเคอร์เรนซี อันจะนำมาซึ่งโอกาสในการทำธุรกิจ และก่อเกิดธุรกิจเป็นตลาดกลางให้บริการซื้อขายเหรียญ ซึ่งในยุคแรกๆ มีด้วยกันหลายรายไม่ว่าจะเป็น Bitkub, SatangPro, Bitazza, Upbit โดยที่ขณะนั้นยังไม่มีผู้เล่นในโลกการเงินแบบดั้งเดิมกระโดดเข้ามาทำกระดานเทรดเลย
.
ผู้เล่นในโลกการเงินรายเดิม ยังดูอยู่ห่างๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะกฎกติกาที่ยังไม่นิ่ง แม้มีกฎหมายออกบังคับใช้แล้วดังที่เล่าไปข้างต้น แต่จะเห็นได้ว่ามีการออกประกาศลูกเพิ่มเติมมาอีกมากในยุคของ “รื่นวดี สุวรรณมงคล” เลขาธิการ ก.ล.ต.ที่เข้ามารับช่วงต่อจาก “รพี สุจริตกุล” ทำให้ผู้เล่นรายเดิมจากฝั่งของตลาดหุ้นยังไม่มายุ่งในฝั่งสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง แต่ทว่าก็มีตั้งทีมศึกษาว่าในต่างประเทศเป็นไง ในไทยทำแล้วเป็นไงป้องกันตกขบวน
.
ที่สำคัญแต่ละแห่งต้องศึกษาให้ดี เพราะล้วนเป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหุ้น แม้ว่าในส่วนของกระบวนการซื้อขายหรือได้มาซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลมาถือครอง จะมีความคล้ายหุ้น พูดง่ายๆ ว่าอยากได้เหรียญไหนก็เข้าไปกดซื้อในแอปพลิเคชันเหมือนกับที่เรากดซื้อหุ้น มันง่ายมาก แต่ทว่า…ก็ยังมีความแตกต่างตรงที่ “คริปโทซื้อขาย 24/7” แต่ตลาดหุ้น “เปิด-ปิดตามเวลา”
.
ทั้งหมดนี้ ยังไม่รวมถึงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ลงทุน ความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก วิธีการการจัดเก็บรักษาสินทรัพย์ หรือแม้กระทั่งความผันผวนของราคาที่รุนแรงกว่า ฯลฯ
.
แต่วันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ธุรกิจให้บริการซื้อขายเหรียญคริปโท เป็นอีกหนึ่งทำเลใหม่ ที่แต่ก่อนหากว่ากันในเชิงกลยุทธ์ธุรกิจ มันอาจจะยังเป็นเครื่องหมายคำถาม แต่ตอนนี้มันกลายเป็นธุรกิจสตาร์ไปแล้ว
.
"อย่าง Bitkub เอง เปิดมาไม่กี่ปีก็ทำกำไรได้อื้อซ่า โดยเฉพาะปีที่ตลาดกระทิง บริษัทแทบจะสำลักกำไรจากค่าต๋งกันเลยทีเดียว โดยในปี’64 ฟันกำไรสุทธิ 2.54 พันล้านบาท จาก 79 ล้านบาทในปี’63 หรือเพิ่มขึ้นถึง 3,000% โดยกำไรหลักๆ มีที่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมซื้อขาย”
.
บิ๊กเพลเยอร์ ตบเท้าลงสนามกระดานเทรด
.
โบรกเกอร์จากฝั่งหุ้น เป็นกลุ่มที่น่าจะเข้ามาในธุรกิจนี้ได้ไม่ยาก เพราะเดิมทีก็เป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนมาเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากด้อมๆ มองๆ อยู่นาน และในที่สุดก็มีสองบริษัทหลักทรัพย์อย่าง บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (INVX) ในกลุ่ม SCBX และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) บริษัทในกลุ่มของ ธนาคารกรุงไทยและ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) กระโดดเข้ามาในตลาดนี้
.
รวมถึง บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (XSpring Digital) อีกหนึ่งบริษัทในกลุ่ม XPG ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อลุยโลกสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ ซึ่ง XSpring Digital มีใบอนุญาตหลายใบในการทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
.
“ทั้ง 3 บริษัท INVX, KTX และ XSpring Digital ได้รับใบอนุญาตโบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลเหมือนกัน” INVX เพิ่งเปิดให้บริการซูเปอร์แอปอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมเทรดได้ทุกสินทรัพย์ หนึ่งในนั้นมีสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย ตามหลัง XSpring Digital ที่เปิดตัวแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ KTX ได้ใบอนุญาตมาแล้วแต่ยังไม่เริ่มประกอบธุรกิจ
.
GULF พี่ใหญ่ในธุรกิจพลังงาน ก็กระโดดลงมาเช่นกันแต่มาแบบทางลัด จับมือกับ Binance ตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ Gulf Binance “ขณะนี้กำลังดำเนินการขอใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และใบอนุญาตอื่น ๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”
.
ทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า เริ่มมีผู้เล่นในโลกการเงินแบบดั้งเดิม ตบเท้าเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น ยังไม่นับรวมรายอื่นที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีรายไหนลงมาสนามเทรดคริปโทอีก หรือที่สุดแล้วจะมีใครใหญ่กว่านี้อีกลงสนามบริการเทรด
.
ตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น
.
แต่อย่างน้อย!!! สิ่งนี้มันสะท้อนให้เราเห็นว่า ตลาดนี้ยังมีโอกาสเติบโตไปได้อีกมาก ยังเป็นน่านน้ำสีคราม ที่คนเห็นโอกาสที่ยังมีในการเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาดในพื้นที่นี้ ไม่ถึง 4 ปีมีจำนวนบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดผ่านศูนย์ซื้อขาย 2.9 ล้านบัญชี ณ เดือนกันยายน 2565 เทียบกับ ตลาดหลักทรัพย์ที่เปิดดำเนินงานมามา 47 ปี มีลูกค้าที่เปิดบัญชีหุ้นทั้งหมด ณ เดือนกันยายน 2565 จำนวน 5.6 ล้านบัญชี แถมมูลค่าการซื้อขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก
.
โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2565 มีมูลค่าการซื้อขายในเดือนดังกล่าวประมาณ 8 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 2,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 75,090 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2565 หากมองในมุมของขนาดตลาดแปลว่ายังมีช่องว่างให้เติบโตไปได้อีกมหาศาล
.
ในภาพใหญ่ระดับโลก มูลค่าตามราคาตลาดของคริปโทเคอร์เรนซีโดยรวม อยู่ที่ 9 แสนล้านดอลลาร์ แม้จะปรับลงมาต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงที่ราคา Bitcoin ดิ่งลงมาซื้อขายอยู่ราวๆ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากจุดสูงสุดครั้งก่อนหน้าที่ 69,000 ดอลลาร์ ที่ขณะนั้นได้ผลักดันให้มูลค่าตามราคาตลาดของคริปโทเคอร์เรนซีโดยรวม ขึ้นไปถึงเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์มาแล้ว ถ้าซูมออกในภาพใหญ่ก็ต้องถือว่าเป็นมูลค่าตลาดรวม ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องตลอด 13 ปีแต่ระหว่างทางก็จะย่อตัวตามรอบคราวละ 4 ปี
.
โดยนับตั้งแต่การกำเนิดของ Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีสกุลต่างๆ ขึ้นมา ตอนนี้มีมากกว่า 20,000 สกุล และแพลตฟอร์มให้บริการซื้อขายเหรียญมากกว่า 500 แห่งทั่วโลกแล้ว
.
ตลาดหลักทรัพย์อิสราเอล ตลาดหลักทรัพย์ไทย สหรัฐฯ ลุยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
.
ไม่ใช่แค่เพียงบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพ หรือผู้เล่นที่เป็นบริษัทเอกชนในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น แต่ทว่าผู้เล่นรายใหญ่ตัวจริงอย่างตลาดหลักทรัพย์ก็พร้อมใจะเข้ามาในตลลาดนี้ด้วยเช่นกัน
.
บริษัท ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จำกัด หรือ TDX เป็นบริษัทในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ตั้งขึ้นมาเพื่อประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจะเป็นผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่จะไม่มีคริปโทเคอร์เรนซี รองรับเฉพาะการซื้อขายโทเคนดิจิทัลเท่านั้น ขณะนี้ยังไม่ได้เปิดให้บริการ หลังเคยประกาศจะเปิดในไตรมาส 3 ปีนี้
.
TDX ในฐานะศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะเปิดให้บริการการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนโทเคนดิจิทัลใน 2 รูปแบบ คือ โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) รวมถึงให้บริการการชำระราคาซื้อขาย และการเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลโดย TDX
.
ทั้งนี้ TDX เผยว่าจะเป็นแพลตฟอร์มแบบเปิด (Open Platform) ที่พร้อมจะให้พันธมิตรเข้ามาเชื่อมต่อ เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ความต้องการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในโลกไร้พรมแดน
.
ไม่ใช่แค่ในไทย ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์เทลอาวีฟของประเทศอิสราเอลแถลงข่าวการจัดเตรียมดำเนินแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปีในการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หลังเล็งเห็นว่าในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้าคือโอกาสอันล้ำค่าในการนำตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอิสราเอลเข้าสู่การปฏิวัติทางเทคโนโลยีตามทิศทางของตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก โดยจะเริ่มพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวในปี 2023
.
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ตลาดหลักทรัพย์อันดับ 2 ของโลกอย่าง Nasdaq เปิดเผยว่า เมื่อไหร่ที่กฏหมายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความชัดเจน ทาง Nasdaq ก็พร้อมที่จะเปิดตัวแผนพัฒนาศูนย์ซื้อขายคริปโทเช่นกันหลังก่อนหน้าได้ประกาศให้บริการดูแล Bitcoin และ Ethereum แก่นักลงทุนสถาบัน
.
Tal Cohen รองประธานกรรมการบริหารและหัวหน้าของตลาดอเมริกาเหนือ กล่าวว่า Nasdaq มีแนวโน้มที่จะรอความชัดเจนของกฎหมายก่อนที่จะเริ่มเปิดตัวแผนงานในการพัฒนาศูนย์ซื้อขายคริปโทของ Nasdaq เองเป็นการต่อยอดจากบริการดูแล Bitcoin และ Ethereum แก่นักลงทุนสถาบัน
.
เผชิญการแข่งขันรุนแรง บนกติกาที่เข้มข้น
.
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาร่วมวงของผู้เล่นในโลกเดิม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในทางธุรกิจก็ต้องมีการแข่งขันกับรายที่ทำอยู่ก่อน และยังไม่นับรายที่จะมาใหม่อีก ราคาหรือค่าธรรมเนียมเทรดอาจไม่ใช่ประเด็นหลัก หากบริการหลังบ้านไม่ประทับใจ เพราะธุรกิจนี้ยังต้องการการตอบคำถาม การอธิบายอะไรๆ อีกมากสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคย และความรวดเร็วต้องมาที่ 1 เพราะเวลาเทรดมัน 24/7 แต่สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนได้ประโยชน์
.
ส่วนด้านกฎกติกา ก็จะยังคงเข้มข้นต่อไป ยิ่งมีคนเข้าร่วมมากเท่าไหร่ กติกาจะยิ่งต้องทำให้มีประสิทธิภาพในการบังคับใช้มากเท่านั้น ไม่ใช่แค่ในไทยและเป็นหน่วยงานกำกับทั่วโลกที่กำลังจับตาในอุตสาหกรรมนี้
.
เราในฐานะผู้ลงทุนที่เป็นผู้ “เข้าร่วม” ก็คงจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับผู้ประกอบธุรกิจ และหน่วยงานกำกับเช่นกัน เพราะเส้นทางของอุตสาหกรรมนี้ยังอีกยาวไกล เราจะได้เห็นพัฒนาการอะไรอีกมากมายในอนาคต ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือผู้ชนะแค่รายเดียว หรือว่าจะมีหลายรายที่ต่างก็มีฐานลูกค้าของตัวเองเฉพาะกลุ่ม เหมือนกับธนาคารที่จะมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนว่า เน้นให้กู้รายใหญ่ เน้นให้กู้รายย่อย เน้นให้กู้เอสเอ็มอี ฯลฯ
.
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ตลาดเบ่งบานและเติบโตเต็มที่จนสุดจะต้าน เหมือนกับที่อินเทอร์เน็ตทะลักเข้ามาถึงคุณพ่อคุณแม่ของเรา “ต้านไม่ได้ เราก็ต้องเข้าร่วม” อยู่ที่ว่าเราจะเข้าร่วมหรือเป็นลูกค้าของค่ายใด…เท่านั้นเอง!
.
.
แอดมินช่า
------------------------------------