ตลาดเกาะติดวัคซีน-ตัวเลขจีดีพี Q3 กดเงินบาทแข็งค่า 30.50 บาทต่อดอลลาร์

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวแข็งค่า 30-30.50 บาทต่อดอลลาร์ เกาะติดประเด็นวัคซีน-ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ชี้ กระแสเงินไหลเข้ากดดันบาทแข็งรองจากอินโดนีเซีย เชื่อธปท.พยายามดูแลไม่ให้เคลื่อนไหวเร็วกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า มองว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อได้จากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้กรอบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 30.00-30.35 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากข่าวดีเรื่องของวัคซีนยังไม่มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนยังรอดูความชัดเจนทั้งในเรื่องของการผลิต การแจกจ่ายวัคซีน

นอกจากนี้ ปัจจัยการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ซึ่งคาดว่าตัวเลขจะเห็นการหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และความกังวลเรื่องการระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 ที่จะมีการล็อกดาวน์ ส่งผลให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าแต่ไม่เคลื่อนไหวเร็วเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

“เงินบาทสัปดาห์หน้าเรามองว่ามีโอกาสแข็งค่าต่อแต่ไม่แข็งค่าเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เงินบาทแข็งค่าค่อนข้างเร็วอยู่ที่ระดับ 30.18 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งค่าสุดนับตั้งแต่ต้นปี และหากเทียบเดือนตุลาคมจะเห็นว่าเงินบาทแข็งค่าแล้ว 30.17% โดยแข็งค่าเป็นอันดับในภูมิภาค รองจากสกุลเงินรูเปียห์-อินโดนีเซีย ส่วนหนึ่งมาจากกระแสเงินไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตรจากปัจจัยการเลือกตั้งของสหรัฐฯ และข่าวดีเรื่องวัคซีน ซึ่งเป็นความหวังว่าภาคการท่องเที่ยวจะดีขึ้น แต่สัปดาห์ข่าวดีอาจจะยังนิ่งอยู่ ทำให้นักลงทุนรอดูความชัดเจนก่อน”

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า กรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 30.00-30.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักยังคงมาจากข่าวดีเรื่องวัคซีนรักษาโควิด-19 ส่งผลให้สินทรัพย์ในไทยเป็นที่น่าสนใจ จึงเห็นเงินไหลเข้ามาลงทุนของต่างประเทศ และจะเห็นเพิ่มขึ้นหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศให้ธนาคารพาณิชย์สามารถจ่ายเงินปันผลได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้เงินบาทแข็งค่า อย่างไรก็ดี เงินบาทคงไม่เห็นหลุดกรอบ 30 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าเร็ว จะกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จึงเห็นธปท.เข้ามาดูแลค่าเงินไม่ได้แข็งค่ามากนัก

“ตอนนี้ค่าเงินเราแข็งค่าเป็นอันดับ 2 รองจากรูเปียห์อินโดนีเซีย แต่การแข็งค่าเป็นทั้งภูมิภาค อย่างไรก็ดี มองว่าธปท.โดยผู้ว่าคนใหม่น่าจะพยายามปรับโครงสร้างค่าเงิน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยพยายามทำมาตรการต่างๆ เช่น ผู้ส่งออกที่รับเงินมาอาจจะพักไว้ในบัญชี FCD ก่อนยังไม่ต้องแปลงเป็นเงินบาท หรือการปรับเกณฑ์การลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นว่าทำมากกว่าเรื่องของนโยบายดอกเบี้ยอย่างเดียว”

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก