ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดคาดการณ์ “เงินปันผลระหว่างกาล” 5 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของไทย

โดย OVERMoney
เผยแพร่ :
404 views

เปิดคาดการณ์ “เงินปันผลระหว่างกาล”

5 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของไทย

.

หลังการประกาศงบการเงินไตรมาส 2/66 ก็จะเข้าสู่ช่วงจ่ายปันผล ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ บริษัทจดทะเบียนจะทยอยแจ้งปันผลระหว่างกาลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นกลุ่มธนาคารก็เช่นกัน ซึ่งมักได้รับความสนใจและจับตามองจากนักลงทุนเสมอ เพราะเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ในระดับสูง

.

ดังนั้น Wealthy Thai จึงมีคาดการณ์เงินปันผลระหว่างกาลของ 5 หุ้นกลุ่มธนาคาร ได้แก่ SCB, KBANK, BBL, TTB และ KKB มาฝากนักลงทุน

.

สำหรับ SCB หรือ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ระดับ 1.60 บาท หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ 1.4% ด้านราคาหุ้นวันที่ 9 ส.ค. 66 อยู่ที่ 112.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.14% จากต้นปี

.

ฝ่ายวิเคราะห์มองว่า SCB เป็นธนาคารที่มีความโดดเด่นในเรื่องของผลดำเนินงาน หลังล่าสุดมี ROE กลับมาที่ระดับ 10% ครั้งแรกในรอบ 3 ปี และมีแนวโน้มเร่งขึ้นต่อตามสัดส่วนการเติบโตของธุรกิจใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูง ส่วน Credit Cost ที่เพิ่มขึ้นมองว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 140 บาท จึงคงคำแนะนำ ซื้อ และให้เป็น Top Pick กลุ่มธนาคาร

.

ส่วน KBANK หรือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิเคราะห์ค่ายดังกล่าว คาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ระดับ 0.50 บาท หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ 0.4% ด้านราคาหุ้นวันที่ 9 ส.ค. 66 อยู่ที่ 127 บาท ปรับตัวลดลง 13.90% จากต้นปี

.

โดยช่วงสั้นอาจมีแรงขายจากความกังวลต่อแนวโน้มการตั้งสำรองที่นานกว่าคาด ซึ่งบริษัทคาดว่าการตั้งสำรองในปี 2567 แม้มีทิศทางลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งต้องรอถึงปี 2568 การตั้งสำรองถึงจะลดลงสู่ระดับปกติ (Credit Cost ที่ 1.4-1.6%) ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ Underperform กลุ่มในช่วงที่ผ่านมาได้ตอบสนองเชิงลบต่อประเด็นดังกล่าวไปมากพอสมควรแล้ว ปัจจุบัน Valuation น่าสนใจ จึงคงคำแนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐานที่ 167 บาท

.

ด้าน BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิเคราะห์ค่ายดังกล่าว คาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ระดับ 1.90 บาท หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ 1.1% ด้านราคาหุ้นวันที่ 9 ส.ค. 66 อยู่ที่ 173 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.89% จากต้นปี

.

ทั้งนี้ แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยบวกจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่เติบโตต่อ และแนวโน้มการตั้งสำรองที่คาดจะปรับลดลง หลังปัจจุบันได้ตั้งสำรองไว้มากแล้ว จนมี Coverage Ratio สูงถึง 287% มากที่สุดในอุตสาหกรรม ขณะที่ NPL ลดลง ส่วนแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ยังแข็งแรง ฝ่ายวิเคราะห์จึงคงคำแนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐานที่ 190 บาท

.

ขณะที่ TTB หรือ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิเคราะห์ค่ายเดียวกัน คาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ระดับ 0.02 บาท หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ 1.2% ด้านราคาหุ้นวันที่ 9 ส.ค. 66 อยู่ที่ 1.71 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.28% จากต้นปี

.

แม้ช่วงสั้นจะมีประเด็นบวกจากผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 ที่ออกมาดีกว่าคาด แต่ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้นได้ตอบรับเชิงบวกไปมากแล้ว จนปัจจุบันไม่มี Upside เหลือ จากมูลค่าพื้นฐานที่ 1.56 บาท อีกทั้งมองว่าแนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปี 2566 จะเริ่มชะลอลง เพราะไม่มีรายได้เงินปันผลเข้ามาช่วย และไตรมาส 4/66 เป็น Low Season จึงคงคำนะนำเพียง เก็งกำไร

.

และสุดท้าย KKP หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิเคราะห์ค่ายดังกล่าวเช่นกัน คาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ระดับ 1 บาท หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ 1.8% ด้านราคาหุ้นวันที่ 9 ส.ค. 66 อยู่ที่ 56.25 บาท ปรับตัวลดลง 23.73% จากต้นปี

.

โดยฝ่ายวิเคราะห์มองราคาหุ้น KKP ปรับลงมาแรงเกินไป หลังผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 ต่ำกว่าคาด แต่มองว่าไตรมาส 2/66 เป็นจุดต่ำสุดของปี 2566 และกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/66 หนุนจากการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลงและคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ค่อยๆ มีพัฒนาการดีขึ้น โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานที่ 77.50 บาท จึงคงคำแนะนำ ซื้อ

 

 

 

 


OVERMoney