ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่น่าจะมีหุ้นตัวไหนเด่นและดราม่าไปมากกว่า IFEC หรือบริษัท อินเตอร์
ฟาร์อีส เอ็นเนอร์ยี ผู้ทำพลังงานไฟฟ้าทดแทนไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ไบโอแมสและพลังงานขยะ เร็วๆนี้ได้มีข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์คือซื้อกิจการโรงแรมดาราเทวีที่เชียงใหม่ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม
สำหรับบทความนี้ เราจะไม่พูดถึงดราม่าเรื่องที่ผ่านมา แต่เราจะพูดถึงธุรกิจของ IFEC ที่มีการทำไปแล้ว พื้นฐานของกิจการคืออะไรและอยู่ตรงไหนกันแน่ เราจะดูกันครับ
IFEC ทำพลังงานทดแทน ดังนั้นเราจะพูดแต่ธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างเดียว ไม่ได้พูดถึงธุรกิจโรงแรมครับ ซึ่งธุรกิจพลังงานทดแทน ก็จะมี พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ชีวมวล และพลังงานขยะ
ตอนนี้ IFEC มีโรงงานไฟฟ้าที่มีรายได้แล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินงาน
โปรเจคส์ของ IFEC ที่ดำเนินงานแล้ว และอยู่ในช่วงรอการพัฒนา ที่มา : บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง
สรุป คือ บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะจ่ายไฟประมาณ 141 MW แต่ตอนนี้มีโรงงานที่ขายไฟและรับรู้เป็นรายได้แล้ว (Operating) 3 แห่ง คือ 21.5 +10 +7.5 = 39MW คิดเป็น 27% ของความคาดหวังที่จะผลิตได้
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่าระหว่าง Adder และ Fit ต่างกันตรงไหน ผมสรุปมาให้ดังนี้ครับ
---------------------------
- การรับซื้อไฟฟ้าทดแทน มี 2 แบบ คือ ADDER และ Feed-in-Tariff (FIT)
- ADDER คือ เงินสนับสนุนเพื่อจูงใจผู้ประกอบการลงทุนทางด้านพลังงานทดแทนด้วยส่วนที่บวกเพิ่มขึ้นจากค่าไฟฟ้าฐาน มี IRR ประมาณ 14-25%
- Feed-in-Tariff (FIT) คำนวนรับซื้อจากต้นทุนจริง คือ การคิดคำนวนผลตอบแทนที่มีการคำนวนต้นทุนด้านต่างๆ เช่น แนวโน้มเทคโนโลยี ค่าวัสดุ ค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าแรง เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ มี IRR ประมาณ 8-12%
- เอกชนชอบ ADDER มากกว่า FIT เพราะมีผลตอบแทนมากกว่าและคืนทุนเร็วกว่า
- FIT มีข้อดี คือ ระยะยาวจะดีกว่า สะท้อนต้นทุนผู้ผลิตได้ดี ประชาชนไม่ต้องแบกรับค่าไฟเพิ่ม
- ADDER มีข้อเสีย คือ เอกชนหวังผลระยะสั้น ค่าไฟแพงขึ้น ประชาชนจ่ายแพงขึ้น
- FIT น่าจะเป็นทิศทางการสนับสนุนที่เหมาะสมในการพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาว มากกว่า ADDER
---------------------------
เปรียบเทียบกับอีกหลายบริษัท ที่มา : บทวิเคราะห์บัวหลวง
คร่าวนี้เราก็รู้แล้วว่า IFEC สามารถผลิตไฟฟ้าและขายได้ประมาณ 39MW ส่วนจะตีเป็นรายได้เท่าไรก็ขึ้นอยู่กับสมมุติฐานของนักลงทุน และราคาพื้นฐานอยู่ที่เท่าไรนักลงทุนต้องคำนวนเองนะครับ ไม่งั้นจะกลายเป็นการชี้นำไป
ถ้าเราดูข้อมูลที่บันทึกจากตลาดหลักทรัพย์ ....
ค่า PE ratio อยู่ที่ 15 เท่า อาจจะต้องมีการคำนวนใหม่ อาจจะดีขึ้นก็ได้เพราะ IFEC มีแนวโน้มจะขายธุรกิจโรงแรมที่ตอนนี้มีผลประกอบการขาดทุนอยู่
มูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 2.6 บาท ค่านี้เชื่อถือได้มากแค่ไหน นักวิเคราะห์ต้องประเมินกันใหม่อีกรอบครับ ถ้าราคาหุ้นเล่นกันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีอาจจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจตัวหนึ่งเลยก็ได้
แต่สิ่งสำคัญ คือ การรอคอย เราจะต้องรอคอยโอกาสก่อนครับ