STEC ปี 60 พลิกขาดทุนเหนือคาด วิกฤตหรือโอกาส???
สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงของเทศกาลตรุษจีน ตลาดภูมิภาคหลายแห่งปิดทำการ นักลงทุนเชื้อสายจีนเฉลิมฉลองเทศกาลไม่ได้สนใจต่อการลงทุนในช่วงนี้นัก ภาพของตลาดโดยทั่วไปจึงเงียบเหงาด้วยวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางลง ด้วยภาวะตลาดเยี่ยงนี้จึงได้เห็นความคึกคักของหุ้นตัวเล็กตัวน้อย หุ้นสร้างหุ้นกระแสเป็นหุ้นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่นเชิงเก็งกำไรกันอย่างสนุกสนาน แม้หน่วยงานอย่าง กลต. และตลาดหลักทรัพย์จะออกมาตรการคุมเข้มต่อหุ้นสร้างหุ้นกระแสแล้วก็ตาม แต่เมื่อภาวะตลาดหุ้นมันเป็นอย่างนี้ หุ้นเก็งกำไรจึงกลายเป็นหุ้นที่เล่นกันอย่างสนุกสนานก็ว่ากันไม่ได้ครับ
STEC หรือ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงแรง ถูกเทขายกระหน่ำ หลังแจ้งผลประกอบการปี 60 ออกมาพลิกล็อกขาดทุน จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีกำไรลดลงเท่านั้น ไม่คิดว่าจะออกมาเซอร์ไพร์สตลาดขาดทุนแบบนี้
ทั้งนี้ STEC รายงานผลประกอบการประจำปี 60 ขาดทุนสุทธิ 610.82 ล้านบาท ลดลง 144% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,381 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าแรงปรับตัวขึ้นสูงอย่างมีสาระสำคัญ ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ประกอบกับการขยายระยะเวลาสัญญางานก่อสร้างขนาดใหญ่ เนื่องจากเจ้าของโครงการมีปัญหาส่งมอบพื้นที่ให้บริษัทล่าช้า ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยคาดว่ามาจาก โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่ล่าช้า และการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการ Airport Rail Link ที่ล่าช้า รวมถึง ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงในปีที่ผ่าน ส่งผลทำให้ต้นทุนโครงการเพิ่มสูงขึ้น
STEC นั้นถือเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศ ที่ประกอบธุรกิจรับก่อสร้างงานทุกประเภททั้งงานโยธาและ งานเครื่องกล เช่น งานด้านระบบสาธารณูปโภค งานด้านอาคาร งานด้านพลังงาน งานด้านอุตสาหกรรม และ งานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาก็มีกำไรมาอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นหนึ่งในหุ้นรับเหมาก่อสร้าง ที่จะได้รับประโยชน์อันดับต้นๆ จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากภาครัฐ และ STEC ก็มักจะได้งานเข้ามาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า เรื่องผลประกอบการปี 60 ที่พลิกขาดทุนเหนือความคาดหมายนั้น เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น เพราะเป็นการบันทึกผลขาดทุนทั้งหมดในครั้งเดียวไปแล้ว แต่หากพิจารณาจากยอดงานในมือ (Backlog ) กว่าแสนล้านบาท และงานก่อสร้างใหม่ๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เติมให้ Backlog เพิ่มขึ้นอีกจากโครงการก่อสร้างอื่นๆทั้งภาครัฐและเอกชน หลังพรบ. EEC ได้เริ่มเดินหน้าเต็มที่แล้ว STEC มีศักยภาพที่จะได้งานใหม่ต่อเนื่อง ทำให้ยังคงเชื่อว่า STEC จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในปีนี้ และดีอย่างต่อเนื่องในอนาคตด้วยเช่นกัน
ก็คงต้องติดตามกันหลังจากนี้ว่า แรงขายที่เกิดขึ้นอย่างถล่มทลาย ของ STEC จนราคาหุ้นดิ่งลงแรง จากผลประกอบการปีล่าสุดที่ขาดทุน เหนือความคาดหมายนั้น จะส่งผลเพียงระยะสั้น อย่างที่นักวิเคราะห์คาดไว้หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ความน่าสนใจหุ้นตัวนี้จะพลิกกลับมาในทันที จากสตอรี่งานในมือที่มากมายมหาศาล ที่พร้อมจะก่อให้เกิดรายได้และผลกำไร ที่งดงามกลับมา กรณีนี้อาจจะมองว่าเป็นโอกาสในวิกฤต ที่เกิดขึ้นก็ได้เหมือนกัน….