สำรวจ SET ต้นปี 65 พบต่างชาติไล่ซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 1.5 หมื่นลบ. ทยอยเก็บหุ้นกลุ่มพลังงาน-แบงก์ พ่วงสื่อสารและค้าปลีก พบ PTTEP มีแรงซื้อเข้ามามากสุด หลังฝรั่งไล่ซื้อรวมกว่า 2 พันลบ.
ผู้สื่อข่าว "สำนักข่าวอีไฟแนซ์ไทย" สำรวจแรงซื้อสุทธิในหุ้นไทย พบตั้งแต่ต้นปี 65 นักลงทุนต่างชาติ เข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยหากนับวันทำการตั้งแต่วันที่ 4-13 ม.ค.65 (8 วันทำการ) ตลาดหุ้นไทยมียอดนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิแล้วรวม 15,123.13 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งเป็นกลุ่ม SET ต่างชาติซื้อสุทธิ 14,820.90 ล้านบาท และกลุ่ม mai ต่างชาติซื้อ 302.24 ล้านบาท (อ้างอิงข้อมูลจาก SETSMART)
โดยผู้สื่อข่าวได้สำรวจข้อมูลของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติผ่านการซื้อขายใน NVDR อ้างอิงโปรแกรม eFin หมวด Accummulate NVDR Ranking ( 4 -13 ม.ค.65) พบว่า หุ้นที่ซื้อสุทธิอยู่ในกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ ดังนี้
อันดับ 1 ที่ต่างชาติซื้อซื้อมากสุดคือ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ด้วยมูลค่า 2,051.81 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ย 122.52 บาท
อันดับ 2. บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) มูลค่า 2,019.76 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 221 บาท
อันดับ 3. บมจ.ปตท. (PTT) มูลค่า 1,552.39 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ย 38.77 บาท
อันดับ 4. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มูลค่า 1,389.11 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 126.13 บาท
อันดับ 5. ธนาคารกสิกร (KBANK) มูลค่า 1,038.74 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 143.34 บาท
ส่วนรายชื่อหุ้นและปริมาณการซื้อของต่างชาติตัวอื่นๆ มีรายละเอียดดังนี้
6. บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) มูลค่า 769.01 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 92.54 บาท , 7. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) มูลค่า 673.66 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 125.5 บาท , 8.บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) มูลค่า 617.70 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 84.61 บาท ,
9.บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) มูลค่า 556.18 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 63.69 บาท 10. บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) มูลค่า 525.18 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 60.27 บาท
และนอกเหนือจาก 10 อันดับดังกล่าว ยังมีหุ้นที่ต่างชาติซื้อสุทธิในกลุ่มพลังงาน-แบงก์เป็นส่วนใหญ่ได้แก่ 11.บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) มูลค่า 509.31 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 60.72 บาท , 12. ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (TTB) มูลค่า 474.67 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.43 บาท , 13. บมจ. ปตท. น้ามันและการค้าปลีก (OR) มูลค่า 420.12 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 26.33 บาท 14. บมจ. สยามแม็คโคร (MAKRO) มูลค่า 411.02 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 40.82 บาท และ 15. ธนาคารทิสโก้
(TISCO) มูลค่า 396.78 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 97.78 บาท
สอดคล้องกับนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ซึ่งได้เปิดเผยในงานแถลงข่าว "FETCO ประจำเดือนธ.ค.64" ช่วงก่อนหน้านี้ว่า แนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ในปี 65 จะมีโอกาสไหลเข้ามาเกินระดับ 1 แสนล้านบาท หรือ คิดเป็นเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเชื่อว่าประเทศไทยยังมีจุดดึงดูดนักลงทุนต่างชาติจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่า จะฟื้นตัวหลังจากชะลอตัวมาต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
อีกทั้งส่วนตัวคาดว่าดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) มีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 1,800 จุดได้ เนื่องจากเชื่อว่าตลาดยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจเราเติบโตช้ากว่าประเทศอื่น ๆ จึงทำให้บางส่วนถูกอั้นมา และ ทำให้คาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตสูงกว่าศักยภาพได้ และ เติบโตได้มากว่า