ห้องเม่าปีกเหล็ก

PTTEP ได้ประโยชน์เต็มๆ

โดย ดอกชบา
เผยแพร่ :
164 views

PTTEP ได้ประโยชน์เต็มๆ

รับOPEC+ ลดกำลังผลิตมากสุดในรอบ 2 ปี

ชี้ราคาน้ำมัน 1 ดอลลาร์มีผลต่อกำไร 830 ล้านบาท

.

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือ OPEC+ ได้มีมติปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ย.โดยการปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าว เป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดของโอเปกพลัสนับตั้งแต่ปี 2563 และเป็นการปรับลดการผลิตในระดับสูงที่สุดในรอบ 2 ปี

.

ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่า PTTEP จะเป็นผู้ได้รับผลบวก โดยมองปี 2565 จะมีกำไรสุทธิที่ 7.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 87% จากปีก่อน และปี 2566 ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท (ทรงตัวจากปีก่อน) บนสมมติฐานราคาน้ำมันปี 2566 เฉลี่ย 85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะกระทบกำไร 830 ล้านบาท และราคาเหมาะสม 2.2 บาท

.

ทั้งนี้จากประเด็นดังกล่าวบล.กรุงศรี มองว่า OPEC+ ลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นบวกกับกลุ่มน้ำมัน โดยตลาดกลับมากังวลกับภาวะ Supply ตึงตัวหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับ 87.76 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเป็นบวกกับหุ้นน้ำมัน (PTTEP TOP SPRC ESSO) แต่เป็นลบกับกลุ่มใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบ (GPSC BGIRM SPCG TASCO) ซึ่งให้คำแนะนำซื้อ PTTEP ราคาเป้าหมาย 185 บาท มองว่าได้ Sentiment บวกต่อ รับข่าว OPEC+ ลดกำลังการผลิตดังกล่าว

.

มุมมองนักวิเคราะห์หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ช่วงเดือนก.ย. ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวต่ำกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากความกังวลด้านเศรษฐกิจ ชะลอตัว และดอลลาร์แข็งค่า อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปีจะสามารถ ประคองตัวสูงเฉลี่ย 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลได้

.

ทั้งนี้หนุนจากปริมาณน้ำมันของรัสเซียที่ลดลง และนโยบายการผลิตของ OPEC+ ที่พร้อมปรับลดอุปทานน้ำมันลงเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันให้อยู่ระดับสูงส่งผลให้คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานหลักไตรมาส 4/65 ยังประคองตัวจากไตรมาสก่อน ในระดับสูง และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณ ผลิตของโครงการบงกช, การรับรู้ยอดขายของโครงการ Algeria HBR ที่เลื่อนส่งมอบจากไตรมาสก่อน และ การปรับขึ้นสัญญาราคาขายก๊าซธรรมชาติให้สะท้อนทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

.

ขณะที่คาดไตรมาส 3/65 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท เติบโตสูง 108%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขาย และราคาขายที่สูงขึ้นมากจากการเริ่มสัมปทานฉบับใหม่ และทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ตามหากเทียบกับไตรมาส 2/65 คาดผลประกอบการจะลดลงเล็กน้อย 4% แต่ยังถือว่าประคองตัวในระดับสูงใกล้เคียง All-time high ในไตรมาสก่อน หนุนจากปริมาณขาย และกำไร Hedging

.

ทั้งนี้มองว่าผลการดำเนินงานหลักถือว่าทำได้น้อยกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าเล็กน้อย เพราะคาด ยอดขายทา ได้ 4.76 cแสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากการรับรู้สัมปทานใหม่ของโครงการเอราวัณ (G1) เต็มไตรมาส (เริ่มเดือนเม.ย.) และโครงการในมาเลเซียผ่านการปิดซ่อมบำรุงมาแล้ว แต่ถือว่าต่ำกว่า Guidance ก่อนหน้า เพราะผลกระทบจากเหตุการณ์รั่วไหลของท่อก๊าซโครงการ Zawtika ทำให้ต้องหยุดผลิต 2 อาทิตย์ และการเลื่อนส่งมอบน้ำมันของโครงการ Algeria HBR

.

ส่วนราคาขายเฉลี่ยทำได้ 53.7 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมัน ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เพราะ Premium ของราคาขาย Liquid ที่ดีขึ้นถูกชดเชยด้วย Shortfall ก๊าซโครงการ Zawtika ที่ราคาสูง ขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 30.8 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมัน เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายการเร่งเพิ่มกำลังผลิตโครงการเอราวัณ และการ Write-off หลุมสำรวจที่ไม่มีศักยภาพ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายรายการไม่เกิดขึ้นประจำราว 1 พันล้านบาทจากผลสุทธิของกำไรอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน และขาดทุนการจำหน่ายเงินลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่บราซิล

.

ด้านความคืบหน้าการเข้าพื้นที่ของโครงการโมซัมบิกยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งกรณีไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อก่อสร้างอาจทำให้โครงการล่าช้า และมีความเสี่ยงถูกด้อยค่าสินทรัพย์ในไตรมาส 4/65 อย่างไรก็ตาม หากไตรมาส 3/65 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 9 เดือนปี65 จะคิดเป็น 70% ของคาดการณ์ทั้งปี

.

ดังนั้นจึงคงกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 7.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 87% และปี 2566 ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท (ทรงตัวจากปีก่อน) บนสมมติฐานราคาน้ำมันปี 2566 เฉลี่ย 85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะกระทบกำไร 830 ล้านบาท และราคาเหมาะสม 2.2 บาท

.

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโมเมนตัมกำไรของ PTTEP ผ่านจุดที่ดีสุดไปแล้ว แต่คาดผลประกอบการ และราคาน้ำมันช่วงไตรมาส 4/65 ถึงปี 2566 ยังสามารถประคองตัวระดับสูง จึงคงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 176.00 บาท สำหรับเก็งกำไรรอบสั้นตามราคาน้ำมัน

.

เชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจรอจังหวะเข้าซื้อช่วงหุ้นอ่อน ตัวเพราะระยะสั้นมีโอกาสพักฐานตามราคาน้ำ มันหลัง OPEC+ ปรับลดปริมาณผลิตใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด รวมทั้งอาจถูกกดดันเชิง Sentiment จากมาตรการตอบโต้ของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร เช่น การผ่อนปรนการคว่ำบาตรเวเนซุเอลา, การระบายสต็อกน้ำมัน SPR เพิ่มเติม และการจำกัดราคาน้ำมันของรัสเซีย

 

 


ดอกชบา