ห้องเม่าปีกเหล็ก

ดัชนีเศรษฐกิจร่วงต่ำสุด

โดย Durant
เผยแพร่ :
67 views

ดัชนีเศรษฐกิจร่วงต่ำสุด รอบ 66 เดือน เหตุคนไทยห่วงรายได้หด ตกงาน หนี้สูง

 

คนไทยห่วงรายได้หด ภาวะตกงาน ค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สินในอนาคต ดึงให้ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในเดือน ก.ค. 2562 ปรับตัวลดลงต่ำที่สุดในรอบ 66 เดือน  

การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยตามภาวะเศรษฐกิจโลก และปัจจัยภายในประเทศ ส่งผลต่อภาคการผลิตและการจ้างภายประเทศให้ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในเดือนกรกฎาคม 2562 ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 41.5 จากเดิมที่ระดับ 43.1 ในเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 66 เดือน โดยพบว่าครัวเรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นในทุกมิติเศรษฐกิจและการครองชีพของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องรายได้และการมีงานทำ ค่าใช้จ่าย รวมไปถึงภาระหนี้สิน 

เศรษฐกิจซบ ปรับลดค่าจ้าง กระทบตลาดแรงงาน

จากดัชนีดังกล่าวได้สะท้อนมุมมองด้านรายได้และการมีงานทำของครัวเรือนในเดือนกรกฎาคม 2562 โดยพบว่า มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7.9 จากเดิมที่ระดับ 49.8 ในเดือนมิถุนายน 2562 โดย 20.9% ของครัวเรือนไทยที่ทำการสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2562 มีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน นับเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ที่อยู่ที่ 15.9% โดยสาเหตุหลัก ๆ มาจากการขายสินค้าได้ลดลงหรือผลประกอบการแย่ลง และมีครัวเรือนบางส่วนถูกปรับลดค่าจ้างตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา

ในแง่ของประเด็นเรื่องสถานการณ์การจ้างงานในองค์กร/หน่วยงาน ทั้งในสถานะเจ้าของหรือลูกจ้าง พบสัญญาณการเลิกจ้าง การลดเวลาในการทำงานล่วงเวลา หรือ OT ของพนักงานเพื่อประหยัดงบประมาณบริษัท และการชะลอรับพนักงานใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2562 มีอัตราที่สูงขึ้นจากการสำรวจในช่วงเดือนเมษายน 2562 สอดคล้องกับตัวเลขการว่างงานในเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าและช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาทยอยส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังตลาดแรงงานภายในประเทศ

สินค้าขึ้นราคา ดันค่าใช้จ่ายครัวเรือนเดือน ก.ค.พุ่ง

ด้านค่าใช้จ่ายครัวเรือน (ไม่รวมหนี้สิน) ที่เพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2562 มาจากราคาสินค้าที่แพงขึ้นและบริการหลายรายการที่เตรียมขยับราคาขึ้น เช่น ค่าโดยสารแท็กซี่และราคาเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น ซึ่งจากการสำรวจภาวะการครองชีพของครัวเรือนไทยที่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ประจำเดือนกรกฎาคม 2562 พบว่า 68.4% ของครัวเรือนไทยที่ทำการสำรวจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน นับเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับผลการสำรวจในช่วงเดือนมิถุนายน 2562 ที่อยู่ที่ 67.2%

โดยเหตุผลของการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้สิน) ส่วนใหญ่มาจากราคาสินค้าและบริการที่แพงขึ้น 57.3% โดยเฉพาะราคาอาหารและราคาพลังงานภายในประเทศ นอกจากนี้ครัวเรือนบางส่วนยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในรายการพิเศษ 32.3% เช่น ท่องเที่ยว ทำบุญในช่วงวันหยุดยาว (วันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา)

รายจ่ายเพิ่มดันคนก่อหนี้ กู้ยืม-จำนำ-จำนอง-กดบัตรเงินสด  

ในขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับรายได้ กดดันครัวเรือนให้ต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่มขึ้น จากการสำรวจพบว่า แม้จำนวนครัวเรือนที่มีค่างวด (หนี้) เพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2562 จะมีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่จะเห็นว่า เหตุผลที่ครัวเรือนก่อหนี้เพิ่มขึ้นมาจากรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในขณะที่รายได้ลดลง ทำให้ครัวเรือนเลือกที่จะ 1.กู้ยืม 2.จำนำ 3.จำนอง และ 4.กดเงินสดจากบัตรกดเงินสดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า อีกทั้งยังมีการผัดผ่อนหนี้ที่ต้องชำระมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่า ครัวเรือนขาดสภาพคล่องในการใช้จ่าย ซึ่งอาจจะส่งผลต่อกำลังซื้ออนาคต

ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย กระตุ้นใช้จ่าย-ลงทุน

จากเศรษฐกิจไทยที่มีการขยายตัวต่ำกว่าเกณฑ์ที่คาดการณ์ไว้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% มาอยู่ที่ 1.50% ต่อปี ซึ่งถือเป็นการปรับดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2558 โดยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและการลงทุน ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และและน่าจะมีส่วนช่วยบรรเทาภาระหนี้ ในอนาคตของภาคธุรกิจและครัวเรือนได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลจากบางสถาบันทางการเงินว่า การปรับลดอัตราดอดเบี้ยดังกล่าว อาจไม่มีผลทำให้ภาระหนี้ลดลง เพราะหากเป็นหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ จะมีค่างวดที่คงที่อยู่แล้ว เพียงแต่ดอกเบี้ยจะลดลงไป ทำให้ผ่อนหมดเร็วขึ้น ส่วนบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ได้แปลว่าลดดอกเบี้ยแล้วจะทำให้มีเงินไปจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่ในทางกลับกันอาจกันอาจจะเป็นการกระตุ้นให้ก่อหนี้มากขึ้น 

รัฐตรึงราคาสินค้าค่าก๊าซ ค่าโดยสาร และค่าไฟฟ้า

ทั้งนี้ หากประเมินดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในช่วงอีก 3 เดือนข้างหน้า ที่ทำการสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2562 พบว่า มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 43.9 จากเดิมที่ระดับ 44.9 ในการสำรวจช่วงเดือนมิถุนายน 2562 โดยเป็นการปรับลดในเกือบทุกองค์ประกอบทางด้านการครองชีพของครัวเรือน

ยกเว้นในประเด็นเรื่องสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการภายในประเทศที่ครัวเรือนไทยมีความคาดหวังว่าจะปรับตัวลดลงในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (สิงหาคม-ตุลาคม 2562) หลังภาครัฐขยายมาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LGV) และราคาก๊าซธรรมชาติ (NGV) สำหรับรถโดยสารสาธารณะต่อไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2562 นอกจากนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยังมีมติคงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) สำหรับงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2562

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยที่ชะลอมาจนถึงช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 นอกจากจะต้องเผชิญโจทย์ที่ท้าทายและยากลำบากมากขึ้นแล้ว ยังต้องติดตามรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางรัฐบาล ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยประคองเศรษฐกิจไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2562 ให้กระเตื้องขึ้น

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant