'อยู่รอด-อยู่ดี' เพราะ 'คิดเป็น'
By ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ | อาหารสมอง
ขณะที่คุณลุงกำลังกระวนกระวายพยายามโอนเงินอยู่หน้าตู้เอทีเอ็ม ก็มีตำรวจ เพื่อนบ้านและภรรยาออกกำลังยับยั้ง ลุงโกรธมากบอกว่า “อย่ามายุ่ง ต้องโอนเงินให้ไว้ก่อน 3 ทุ่มมิฉะนั้นทุกอย่างพังหมด ขอโอนก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง “ในที่สุดก็หยุดได้สำเร็จ ลุงก็พูดอย่างฉุน ๆ ว่า “คนชวนลงทุนก็โอนเงินไปให้ตรวจแล้วแสนห้า เขาบอกให้โอนอีกแสนก่อนสามทุ่ม แล้วเขาจะโอนกลับพร้อมเเถมให้อีกเเสนเป็นค่าเสียเวลา”

อีกเรื่องคือมีข้อความในโซเชียลมีเดียว่า พบปลาหมึกยักษ์ชนิดปีนต้นไม้อยู่ในป่าอเมริกาเหนือหลายตัว ชวนลงทุนจับไปขาย ปรากฏว่ามีคนร่วมทุนมากมาย ทั้งสองเรื่องจริงนี้ผู้ต้มตุ๋นยิ้มไม่หุบเพราะทำธุรกิจกับคน “คิดไม่เป็น”
ผมขอเรียก Critical Thinking (CT) ดังที่ได้ยินกันอยู่ทุกวันว่า “คิดเป็น” ซึ่งเป็นทักษะที่มีค่าอย่างยิ่งเพราะช่วยให้ “อยู่รอด-อยู่ดี” CT เกี่ยวพันกับเรื่องการวิเคราะห์ การประเมินข้อมูลเเละข่าวสารอย่างไม่เอนเอียงก่อนที่จะมีความเห็นหรือการตัดสินใจ
มันหมายถึงการตั้งคำถามกับสมมติฐาน การมองจากแง่มุมที่ต่างออกไปโดยอยู่บนพื้นฐานของตรรกะในการคิดและหลักฐานมากกว่าอารมณ์ หรือความเอนเอียง ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร และจำนวนมากตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิดหรือลวงให้เชื่อ ดังนั้น CT จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการแยกความจริงออกจากนิยาย
การ “คิดเป็น” ช่วยให้ (ก) มีการตัดสินใจที่ดีขึ้น (ข) มีความสามารถในการแก้ไขปัญหามากขึ้น (ค) มีความสามารถในการแสดงออกเรื่องที่เกี่ยวกับการคิดและสามารถสื่อสารกับผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ (ง) เพิ่มความสามารถในการปรับตัว กล่าวคือทำให้สามารถไตร่ตรองข้อมูลและปรับตัวได้ดีขึ้น
เมื่อ “คิดเป็น” เป็นทักษะอย่างหนึ่งเหมือนว่ายน้ำ ปีนต้นไม้ หรือ โกนหนวดสิงห์โต ดังนั้น จึงพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นได้เสมอด้วยวิธีการต่อไปนี้
(1) ถามคำถามอยู่เสมอ ความอยากรู้อยากเห็นคือกุญแจสู่การ “คิดเป็น” การตั้งคำถามจะช่วยให้เราพบสมมติฐานที่แอบซ่อนอยู่ ท้าทายความเอนเอียง และเข้าใจเนื้อหาในระดับลึกขึ้น เมื่อใดที่เราพบข้อมูลใหม่ จงถามตัวเองว่า (ก) ข้อมูลนี้มา จากไหน (ข) มีหลักฐานที่สนับสนุนหรือไม่ (ค) มีแง่มุมอื่นที่เราควรพิจารณาหรือไม่
ตัวอย่างเช่นการประกาศว่าระดับฝุ่น PM 2.5 ขึ้นสูงมาก ต้องถามว่าข้อมูลมาจากไหน มีหลักฐานสนับสนุนหรือไม่ การถามเช่นนี้ก็จะเกิดคำถามว่าเขาวัดตัวเลขนี้กันอย่างไร มีจุดวัดละเอียดจนเชื่อถือได้หรือไม่ และทำให้คิดว่าไม่ควรตื่นตระหนกเพราะจุดวัดอาจอยู่ในเพียงบางอำเภอ แต่ใช้เป็นตัวเลขของทั้งจังหวัด
(2) วิเคราะห์ข้อมูลอย่างไม่เอนเอียง เมื่อพบข้อมูลใหม่หรือความเห็นของคนอื่น พยายามประเมินอย่างไม่ให้มีอคติส่วนตัวเข้ามามีบทบาทโดยพิจารณาว่าแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือหรือไม่ ข้อมูลถูกต้องหรือไม่ การเปรียบเทียบมุมมองต่างๆ สามารถช่วยให้เรามีแง่มุมที่รอบด้านให้ไตร่ตรองมากขึ้น
(3) พูดกับคนอื่นเรื่องข้อมูลนี้โดยเฉพาะพิจารณาความเห็นที่แตกต่าง ทั้งหมดนี้จะท้าทายเราให้คิดลึกซึ้งยิ่งขึ้น การพูดจาแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่นอย่างเคารพในความคิดเห็นและใช้ตรรกะและเหตุผลสนับสนุนความเห็นของเราจะช่วยให้เรามีความแข็งแกร่งในการวิเคราะห์และเสนอแนะไอเดีย
(4) ฝึกหัดการสะท้อนคิด วิธีสำคัญที่จะช่วยทำให้ทักษะในการ “คิดเป็น” ของเราแหลมคมยิ่งขึ้นคือการสะท้อนคิดซึ่งเกิดได้จากการจดบันทึก จากการใช้เวลาใคร่ครวญขบคิดเกี่ยวกับการตัดสินใจและประสบการณ์ที่ผ่านไป วิธีนี้จะช่วยให้เรามองเห็นแบบแผนการคิดของเราเอง มองเห็นความเอนเอียง และทำให้การใช้เหตุใช้ผลของเราชัดเจนขึ้น
(5) อ่านอย่างใคร่ครวญ อ่านหนังสือ บทความ ข้อเขียนที่เปิดเราสู่มุมมอง และสไตล์การคิดวิเคราะห์ที่แตกต่างจากเรา เเละในขณะที่อ่านควรพิจารณา (ก) อะไรคือข้อถกเถียงสำคัญของผู้เขียน (ข) มีหลักฐานใดสนับสนุน (ค) มีข้อถกเถียงในทางตรงกันข้ามให้พิจารณาหรือไม่ การใคร่ครวญสิ่งที่อ่านดังกล่าวจะช่วยให้สามารถพัฒนาความเข้าใจและการตัดสินใจ
(6) การเล่นเกมที่ต้องใช้สมอง เช่น อักษรไขว้ ซูโดโกะ หรือหมากรุก ช่วยฝึกฝนสมองให้เห็นแบบแผนของความคิด คิดอย่างมีกลยุทธ์ และคาดคะเนผลที่เกิดขึ้น แบบฝึกหัดเหล่านี้จะช่วยให้มีความสามารถมากขึ้นในการแก้ไขปัญหา และมีความคล่องตัวในการคิด
(7) ใช้มีเดียเป็น ในโลกโซเชียลที่เต็มไปด้วยข้อมูล การแยกให้ออกระหว่างสิ่งที่เชื่อถือได้กับสิ่งที่ไม่น่าไว้วางใจมีความสำคัญอย่างมาก การต้มตุ๋นออนไลน์เกิดขึ้นได้จากการมีความสามารถจำกัดในการ “คิดเป็น” สิ่งที่ควรทำก็คือ (ก) เช็คข้อมูลจากแหล่งที่ไว้ใจได้ (ข) สงสัยไว้ก่อนกับการเขียนนำที่หวือหวาเพื่อดึงดูดความสนใจ (ค) พยายามมองให้เห็นความเอนเอียงในการรายงานข่าวหรือการแสดงความเห็น
(8) การเรียนรู้ในระดับการศึกษาสูงขึ้น เป็นหนทางสู่การพัฒนายิ่งขึ้นของทักษะในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา ปัจจุบันมีหลักสูตรการเรียนรู้จำนวนมากที่สามารถช่วยได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ
(9) พยายามเป็นคนใจกว้าง ส่วนหนึ่งของการ “คิดเป็น” คือการยอมรับว่าเราไม่มีคำตอบสำหรับ ทุกคำถาม การเปิดใจกว้างพิจารณาความคิดใหม่ ๆ มีใจกว้างยอมรับเมื่อผิดพลาดและปรับความคิดโดยพิจารณาหลักฐานที่แน่นหนา คือคุณลักษณะสำคัญอย่างเเท้จริงของคนที่ “คิดเป็น”
(10) ประยุกต์การ “คิดเป็น” กับชีวิตประจำวัน จงฝึกฝนการคิดเป็นในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจด้านการเงิน ประเมินข้อแนะนำด้านสุขภาพ หรือวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ประจำวันอย่างใช้ตรรกะและเหตุผล
เมื่อการคิดเป็นทักษะอย่างหนึ่งดังนั้นการฝึกฝนจึงเป็นเรื่องจำเป็น มีคนกล่าวว่า “คนไม่อ่านหนังสือ ไม่ต่างอะไรจากคนอ่านหนังสือไม่ออก” ดังนั้น “คนมีสมองแต่ “คิดไม่เป็น” จึงไม่ต่างอะไรจากคนไร้สมอง” (ข้อมูลมาจากนิตยสาร The Education Magazine ตีพิมพ์ในปี 2024)
ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1173792