ในยามที่ตลาดหุ้นไม่ค่อยดีและเป็นตลาดหุ้น Sideway มานานนั้น หุ้นที่น่าสนใจกลุ่มหนึ่งก็คือหุ้น Holding Company หรือหุ้นที่ถือหุ้นของบริษัทอื่นเป็นหลักหรือถือหุ้นบริษัทอื่นคิดเป็นมูลค่าจำนวนมากเมื่อเทียบกับกิจการที่บริษัททำ ถ้าเป็น Pure Holding Company อย่างบริษัทเบิร์กไชร์ของ วอเร็น บัฟเฟตต์ นั้น บริษัทจะไม่ทำกิจการอะไรเองเลยแต่จะเป็นแค่ผู้ถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ ในตลาดหุ้นไทยเองนั้นเท่าที่เห็นก็น่าจะมีหุ้นของ Intuch ที่ถือแต่หุ้นบริษัทอื่นเฉพาะอย่างยิ่งก็คือหุ้น Advanc เป็นหลัก เหตุผลก็คือ หุ้น Holding นั้นมักจะมีราคาหรือ Market Cap. ถูกกว่ามูลค่าของหุ้นที่บริษัทถืออยู่รวมกัน หรือเรียกว่ามี “Discount” ประมาณ 20-30% ดังนั้น ถ้าเราสนใจหุ้นของบริษัท “ลูก” เราก็ควรที่จะซื้อหุ้นบริษัท “แม่” แทน เพราะเราจะได้ส่วนลดถึง 25% เป็นต้น
ในตลาดหุ้นไทยนั้น บริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็น Holding Company ตั้งแต่แรกเลยนั้น น่าจะไม่มี ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นว่าบริษัทจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจใหม่ที่ใกล้เคียงกันด้วยเหตุผลบางอย่าง หรือบางทีก็แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง แต่หลังจากเวลาผ่านไป บริษัทลูกกลับเติบโตขึ้นเร็วกว่าบริษัทแม่และต้องการเงินลงทุนจำนวนมากซึ่งทำให้บริษัทแม่นำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นด้วย ต่อมามูลค่าของกิจการของบริษัทลูกก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนบางทีโตกว่าบริษัทแม่ก็มี สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่ามูลค่าหุ้นของบริษัทลูกที่บริษัทแม่ถืออยู่นั้น สูงกว่า Market Cap. ของบริษัทแม่ ในกรณีแบบนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเราควรซื้อบริษัทแม่มากกว่าบริษัทลูกมองในด้านของการประเมินมูลค่าหุ้นและมองแบบ VI ที่ถือหุ้นระยะยาว
อย่างไรก็ตาม หุ้น Holding นั้นมีความซับซ้อนพอสมควร บริษัทแม่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้ถือหุ้นลูกเพียงตัวเดียวแต่ถือหลายตัว มูลค่าหุ้นแต่ละตัวก็แตกต่างกันและมักจะอยู่ในธุรกิจที่แตกต่างกัน เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ราคาหุ้นของบริษัทลูกบางตัวก็ “เชื่อถือไม่ได้” เพราะอาจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และอาจจะกำลังถูก “ปั่น” ทำให้คิดว่าบริษัทมีมูลค่ามาก เป็นต้น...
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่
https://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=62701