ห้องเม่าปีกเหล็ก

ลงทุนหุ้นอย่าดูแค่ยอดขาย–กำไร

โดย poomai
เผยแพร่ :
83 views

ลงทุนหุ้นอย่าดูแค่ยอดขาย–กำไร

เพราะตัวเลข “หลอกเรา” ได้เสมอ

 

 

ย้อนกลับไปในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเคยคึกคักจากการเก็งกำไร บ่อยครั้งเราจะเห็นหุ้นตัวหนึ่งมียอดขายพุ่ง กำไรเติบโตแรง ราคาหุ้นวิ่งตามไม่หยุด นักลงทุนเฮกันทั้งบอร์ด

แต่พอผ่านไปไม่กี่ไตรมาส กลับพบความจริงว่า

ยอดขายนั้นมาจากการ “ปั่นยอด”

กำไรก็เกิดจาก “บวกบัญชี” ที่ไม่ได้มีเงินสดจริง

สุดท้ายกลายเป็น “กำไรบนกระดาษ” ที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจหนึ่ง “ดีจริง” หรือแค่ “ทำตัวให้ดูดี”

นี่คือเหตุผลที่เราต้องมองลึกกว่าตัวเลข “กำไรสุทธิ” และหันมาใช้ 4 เครื่องมือวิเคราะห์คุณภาพธุรกิจขั้นสูง:

ROIC, Operating Cash Flow, D/E และ Quality of Earnings

..

เบื้องหลังงบที่ดี อาจไม่มี “ความสามารถแท้จริง”

นักลงทุนมือใหม่อาจจะเคยชินกับการมองแค่

• รายได้โต = ธุรกิจกำลังเติบโต

• กำไรโต = บริษัทเก่ง

แต่ในความเป็นจริง ตัวเลขเหล่านี้ “ตกแต่งได้” และ “หลอกตา” ได้มากกว่าที่คิด

 

ถ้าอยากมองให้ขาด ต้องเข้าใจ แก่นของธุรกิจ ว่า

1. ใช้เงินไปเท่าไหร่ เพื่อได้กำไรกลับมาเท่าไหร่ (ROIC)

2. กำไรนั้น มี “เงินสด” ไหลเข้ามาจริงไหม (Operating Cash Flow)

3. บริษัทพึ่งพาหนี้มากน้อยแค่ไหน (D/E)

4. กำไรที่เกิดขึ้น สะท้อนคุณภาพ หรือแค่บวกลบตัวเลขบัญชี (Quality of Earnings)

ลองมาแยกดูทีละตัว…

..

4 ตัวแปรวัดคุณภาพธุรกิจ แบบ “ไม่ถูกหลอกอีกต่อไป”

 

ROIC (Return on Invested Capital)

คืออัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนสุทธิ — วัดว่า ธุรกิจใช้เงินทุนได้คุ้มแค่ไหน

ธุรกิจที่ ROIC สูงกว่า WACC สม่ำเสมอ คือบริษัทที่ “สร้างมูลค่า” ให้ผู้ถือหุ้นจริง ไม่ใช่แค่โตบนกระดาษ

เช่น บริษัท A กำไรพอ ๆ กับบริษัท B แต่ A ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า → ROIC สูงกว่า → น่าลงทุนกว่า

..

Operating Cash Flow (OCF)

เงินสดจริงที่บริษัทสร้างได้จากการดำเนินธุรกิจ

บางบริษัทกำไรโตแรง แต่ไม่มีเงินสดเข้ามาเลย — สัญญาณว่า “อาจแต่งงบ”

ในทางกลับกัน บริษัทที่มีกำไรไม่หวือหวา แต่มีเงินสดไหลเข้าทุกปี มักเป็นบริษัทที่มั่นคง และบริหารทุนดี

..

D/E (Debt to Equity)

อัตราส่วนหนี้ต่อทุน ใช้วัดความเสี่ยงและความยั่งยืน

บริษัทที่หนี้สูงเกินไป อาจเติบโตเร็วก็จริง แต่เสี่ยง “ล้ม” หากเจอวิกฤต

นักลงทุนควรระวังธุรกิจที่เติบโตจาก “เงินกู้” มากกว่า “เงินกำไรสะสม”

..

คุณภาพกำไร (Quality of Earnings)

คือการตรวจสอบว่า “กำไร” ที่เห็นในงบ เกิดจากกิจกรรมหลักจริงไหม หรือเป็น “ครั้งเดียวแล้วจบ”

เช่น กำไรจากขายสินทรัพย์, รีบันทึกหนี้, หรือ FX Gain แม้ตัวเลขสวย แต่ไม่ใช่กำไรจากธุรกิจจริง

..

อย่าให้ตัวเลข “พาเราหลง”

ถ้าคุณอยากเป็นนักลงทุนที่อ่านงบได้อย่างลึกซึ้ง

อย่าหยุดที่บรรทัดสุดท้ายของงบกำไรขาดทุน

ให้ลงลึกไปถึง “ที่มาของกำไร” และ “ประสิทธิภาพของทุน”

เพราะธุรกิจที่ดูดีวันนี้ อาจไม่รอดพรุ่งนี้

แต่ธุรกิจที่มีคุณภาพแท้จริง จะทนทานต่อทุกวิกฤต

 

จำไว้ว่า: “ตัวเลขที่ดี ไม่ได้แปลว่าธุรกิจดี”

แต่ถ้าธุรกิจดีจริง — มันจะสร้างตัวเลขที่ดีได้ “อย่างยั่งยืน”

 

 

ที่มาเนื้อหาจาก. เพจ หุ้นพอร์ทระเบิด


poomai