ห้องเม่าปีกเหล็ก

ในวันที่ "ดัชนี SET " กลับสู่ 900 กว่าจุด..?

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
64 views

“หุ้นไทย” โดดเด่นน้อยกว่าเพื่อนบ้าน...‘ระยะสั้น’ แพง- ‘ระยะยาว’ ยังน่าสนใจ

หรือ....นี่จะเป็นโอกาสในรอบ 10 กว่าปี หลังจาก ‘ดัชนี SET’ ปรับต่ำถึง 969 จุด ในวันที่ 13 มี.ค.63 ด้วยแรงเทขายของนักลงทุนหลายกลุ่ม ต่อความกังวลการล็อกดาวน์ประเทศเพื่อรับมือกับสถานการณ์ระบาดไวรัส COVID-19

           

แม้ว่าการประกาศ ‘ล็อกดาวน์ประเทศ’ จะทำให้การควบคุมการระบาดเชื้อไวรัสได้แคบลง แต่เหมือนว่าจะกลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้เศรษฐกิจในประเทศได้รับผลกระทบไปด้วย จากการยุติกิจกรรมทางสังคม ปิดห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า

 

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคน รวมถึง ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ หรือ ‘แบงก์ชาติ’ ก็ได้ปรับประมาณการณ์จีดีพีประเทศไทยในปีนี้ลง ติดลบถึง 5.3% ซึ่งถือว่าเป็นการ ‘ติดลบ’ อีกครั้งในรอบ 10 กว่าปี นับจากเหตุการณ์ Subprime Crisis

 

จึงทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า การย่อตัวลงมาของ SET ถือเป็นโอกาสที่คุ้มค่าจริงหรือ ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงได้รวบรวมมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในแวดวงบลจ. ที่มีต่อ SET ในปัจจุบันและต่อจากนี้จะไปในทิศทางใดมาฝากกัน

SET ยัง ‘เสี่ยงสูง’…กังวลหลังประกาศผลงานQ1/63 ทำSET ดิ่งอีกครั้ง

 

“ยืนยงค์ เทพจำนงค์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า ราคาตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันถือว่ายังไม่ถูกมากนัก เนื่องจากยังเป็นช่วงที่รอผลประกอบการไตรมาส 1/63 และรอปรับประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ลงอีก จากผลกระทบการระบาดไวรัส COVID-19

“ซึ่ง ‘ตลาดหุ้นไทย’ ยังคงมีความ ‘เสี่ยงที่สูง’ จากการปรับลดลงอีกดัชนีหลังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/63 และตัวเลขกำไรสุทธิทั้งปีที่ประมาณการลงหรือติดลบไม่ต่ำกว่า 10% โดยการฟื้นขึ้นของดัชนีในช่วงนี้เป็นไปตามการรับข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันเท่านั้น”

 

การเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ต้องใช้ ‘ความระมัดระวัง’ ค่อนข้างสูง เนื่องจากพื้นฐานในปัจจุบันยังไม่รองรับมากนัก และบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้เป็นเพียงการ ‘เก็งกำไร’ ในระยะสั้น สะท้อนจากหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็ว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดไวรัส COVID-19

“โดยทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ ประเมินว่าอัพไซด์ค่อนข้างน้อย เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานในประเทศยังคงอ่อนแอ ตามกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวค่อนข้างนาน”

 

SET ระยะสั้นยังแพง...แต่ระยะยาวน่าสนใจ

ด้าน “ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด มองว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยก่อนหน้านี้สอดคล้องไปกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่นักลงทุนคาดการณ์กำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนจะลดลง 20-30% ซึ่งการฟื้นตัวในช่วงนี้จึงมองว่ายังดู ‘แพงกว่าพื้นฐาน’ ที่ควรจะเป็น

 

“แต่อย่างไรก็ตาม หากมองภาพการลงทุนในระยะยาวหรือหลังผ่านพ้นสถานการณ์COVID-19 ก็ถือว่ามีความ ‘น่าสนใจ’ เนื่องจากกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปี 64 มีโอกาสที่จะกลับมาเติบโตได้ 25-30%ทำให้ภาพการลงทุนในระยะ 3-6 เดือน ราคาจะดูค่อนข้างแพงและทิศทางดัชนียังคงผันผวน

           

จากอดีตที่ผ่านมา การลงทุนในช่วงที่ผ่านพ้นช่วงวิกฤตต่างๆ ไม่ว่าต้มยำกุ้ง และโกลบอล ไฟแนนซ์เชียลไครซิส สามารถให้ผลตอบแทนถึง 100% ในกรอบระยะเวลาการลงทุน 5 ปี

“หากเทียบกับภูมิภาค ‘ตลาดหุ้นไทย’ ยังคงโดดเด่นน้อยกว่าเพื่อนบ้าน ทั้งตัวเลขจีดีพีและกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งประเมินว่าจะเป็นประเทศท้ายๆ ที่จะได้รับความสนใจ”

 

สำหรับสถานการณ์หลังจากหลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 คาดการณ์ว่าจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกให้แก่ตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน โดยอาจจะติดตามนโยบายของรัฐบาลในอนาคตจะช่วยกระตุ้นให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจได้ต่อเนื่องเพียงใด

 

ส่วนหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุน แนะนำหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับ ‘ปัจจัย 4’ ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวค่อนข้างน้อย ขณะที่กลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าฟุ่มเฟือย เนื่องจากหลังผ่านพ้นวิกฤต พฤติกรรมการใช้เงินของผู้บริโภคจะใช้อย่างระมัดระวังมากขึ้น

 

แม้ว่าหุ้นไทยจะมีการปรับตัวลดลงมาในระดับใกล้เคียงกับอดีต แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ทำให้ความโดดเด่นด้อยกว่าอดีต จึงทำให้การลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงจะเป็นคำตอบที่ดีเสมอไป

 

ขอบคุณทีมาเนื้อหาข้อมูลจาก


98 Degree