ลือว่าอดีตผู้บริหาร STARK ได้เผ่นหนีออกไปนอกประเทศแล้ว

ตัวโกง STARK หอบหมื่นล้านเผ่นนอก / สุนันท์ ศรีจันทรา

เหมือนนักลงทุนจะรู้ล่วงหน้าว่าไส้ในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ฟอนเฟะหนักขนาดไหน และเหมือนจะรู้ว่าบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้คงล่มสลาย จึงพากันเทขายหุ้นในลักษณะหนีตายจนราคาทรุดฮวบ

การเปิดซื้อขายหุ้น STARK วันแรก หรือวันที่ 1 มิถุนายน กลายเป็นอีกโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น เพราะราคาหุ้นดิ่งลงเหวทันที จากปิดครั้งสุดท้ายที่ 2.38 บาท ก่อนตลาดหลักทรัพย์ขึ้นป้าย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา

แรงขายได้ทะลักเข้ามาเมื่อเปิดการซื้อขาย จนราคาดิ่งลง โดยเปิดที่ 25 สตางค์ และลงไปต่ำสุดที่ 13 สตางค์ ก่อนกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ 18 สตางค์ ลดลง 2.20 บาท หรือลดลง 92.44% มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 1,110.58 ล้านบาท

ผู้ถือหุ้นรายย่อย STARK หลังปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 4 เมษายน 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 9,613 ราย และไม่รู้ว่าล่าสุดมีจำนวนเท่าใด แต่ใครก็ตามที่ถือหุ้นไว้ กลายเป็นผู้เสียหายชนิดหมดเนื้อหมดตัว

ไม่นับนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน กองทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งพากันย่อยยับจากหุ้น STARK

โศกนาฏกรรม STARK เชื่อว่าวางแผนปฏิบัติการมาหลายปี เริ่มตั้งแต่นายวนรัชย์ ตั้งถารวคุณ เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 21,500 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 95% ของทุนจดทะเบียน ในรูปบุคคลวงจำกัด ราคาหุ้นละ 60 สตางค์ จากพาร์ 1บาท หลังที่บริษัทเปลี่ยนชื่อมาจากบริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ SMM

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่เปลี่ยนไป พร้อมโครงสร้างผู้บริหารบริษัท และโครงสร้างการดำเนินงาน ซึ่งหันเข้าสู่ธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิล โดยบริษัทลูกเป็นผู้ดำเนินการ และใช้เงินกว่า 500 ล้านบาท ซื้อบริษัทผลิตไฟฟ้าในเวียดนามเมื่อประมาณกลางปี 2563

ตั้งแต่นายวนรัชต์ เข้าไปบริหาร โดยมีนายชนินทร์ เย็นสุดใจ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผลประกอบการ STARK ดีขึ้นต่อเนื่อง ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 123.92 ล้านบาท ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,608.88 ล้านบาท ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 2,783.11 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิ 2,216.47 ล้านบาท

แต่ไตรมาสที่ 4 มีความยุ่งเหยิงในการจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 จนไม่สามารถส่งตลาดหลักทรัพย์ตามกำหนดได้ เพราะอาจมีรายการการใช้จ่ายเงินที่ไม่พึงประโยชน์โผล่ขึ้นมา

ไม่มีใครรู้ว่าฐานะการเงินที่แท้จริงของ STARK เป็นอย่างไร นอกจากข่าวลือที่ปลิวว่อนว่า เกิดการทุจริตภายในกันมโหฬาร มีการสร้างหนี้เทียม สร้างเอกสารเท็จ และผ่องถ่ายไซฟ่อนเงินจำนวนนับหมื่นๆ ล้านออกไป

ก่อนจะมีการโละกรรมการบริษัทชุดเก่า ซึ่งมีนายชนินทร์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK ได้มีการเร่งชำระหนี้คืนบริษัทย่อย ทั้งที่หนี้ยังไม่ครบกำหนด และอาจเป็นการสูบเงินออกจาก STARK ในรอบสุดท้าย

ขณะที่บริษัทผลิตสายไฟฟ้าในเวียดนามที่ STARK ซื้อไว้ มีข่าวลือว่าสต๊อกสายทองแดงมูลค่านับพันล้านบาท อันตรธานหายไป เหลือแต่สต๊อกลม

STARK สร้างภาพจัดฉากมาประมาณ 4 ปี แสดงผลกำไรเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง จนกลายเป็นหุ้นพุ่งแรง นักลงทุนแห่เข้าไปเก็งกำไร เพราะหลงในภาพลวงตา ทั้งนักลงทุนต่างชาติ ทั้งสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศขนเงินเข้าใส่ รวมทั้งบรรดากองทุน

แต่ราคาหุ้นที่ลากขึ้นไปสูงสุด 5.10 บาท ในรอบ 12 เดือน หล่นตุ๊บมากองกับพื้นที่ 18 สตางค์แล้ว และอาจทรุดลงต่อถ้างบการเงินปี 2565 ออกมาเลวร้าย

STARK สูบเงินเข้าไปเยอะ แต่ไม่เคยคายออก โดยมีกำไรเติบโตสูงหลายปีติดต่อ แต่ไม่ยอมจ่ายเงินปันผล ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่นักลงทุนควรเก็บไว้พิจารณาเพื่อระมัดระวังหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีกำไรแต่ไม่ยอมจ่ายเงินปันผล

STARK สร้างภาพจนเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีอนาคตสดใส ฐานะการเงินมั่นคง จนระดมเงินด้วยวิธีการใดก็ได้ ออกหุ้นกู้กว่า 9.1 พันล้านบาทก็ขายเกลี้ยง กู้เงินแบงก์กว่า 8 พันล้านบาทก็ได้รับอนุมัติฉลุย ออกหุ้นเพิ่มทุนขายบุคคลในวงจำกัด 11 ราย เมื่อปลายปี 2565 รวมวงเงิน 5,580 ล้านบาทก็ขายเกลี้ยง

และมีกำไรสะสมอีก 7,849.71 ล้านบาท

แต่เงินทั้งหมดจำนวนรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ยังอยู่ดีหรือไม่ หรือใครเล่นแร่แปรธาตุผ่องถ่ายออกไปหมดแล้ว

มีข่าวลือว่า อดีตผู้บริหาร STARK พร้อมนักกฎหมายคู่ใจได้เผ่นหนีออกไปนอกประเทศแล้ว พร้อมกับเงินนับหมื่นล้านบาท โดยไม่รอรับแจ้งข้อหาใดๆ

เพราะได้วางแผนปล้น STARK มานาน และจัดฉากทุกอย่างแนนเนียน จนทุกฝ่ายตายใจ ก่อนที่หอบเงินก้อนโตเสวยสุขในต่างประเทศไปตลอดชาติ

ทิ้งความเสียหายใหญ่หลวงให้สถาบันการเงิน กองทุนทั้งในและต่างประเทศ ผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งบางคนลงทุนในหุ้นกู้ STARK นับร้อยล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยที่ต้องหมดตัว

 

ส่วนนายวนรัชต์ ไม่เสียหายใดๆ เพราะทยอยขายหุ้นออกมาตลอด ถอนทุนพร้อมกำไรออกไปเรียบร้อย

หายนะจากหุ้น STARK ซึ่งสร้างความล่มสลายในวงกว้าง กฎหมายจะลากคอใครมาลงโทษได้หรือไม่

และนายวนรัชต์ จะติดร่างแหกับอดีตผู้บริหารบริษัทที่หอบเงินหมื่นล้านหนีไปหรือไม่