รัฐสภายุโรปไฟเขียวข้อตกลง FTA กับสิงคโปร์ เล็งยกเลิกภาษีภายใน 5 ปี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 00:09:57 น.
รัฐสภายุโรปให้ความเห็นชอบต่อข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสิงคโปร์ในวันนี้ ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) หวังว่าจะสามารถใช้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานในการทำข้อตกลงในลักษณะเดียวกันกับประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภายุโรปลงมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากให้ความเห็นชอบต่อข้อตกลงดังกล่าว และจะมีผลบังคับใช้ หลังจากที่รัฐสภาของประเทศสมาชิกให้สัตยาบันต่อข้อตกลงฉบับนี้
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว EU และสิงคโปร์จะยกเลิกการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าและบริการที่นำเข้าจากแต่ละฝ่ายภายในเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ EU และสิงคโปร์จะเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจของแต่ละฝ่ายสามารถขยายการลงทุน รวมทั้งสิงคโปร์จะอนุญาตให้บริษัทของ EU เข้าแข่งขันในการทำสัญญาในโครงการสาธารณะในสิงคโปร์
ที่ผ่านมา EU และสิงคโปร์มีมูลค่าการค้าในภาคสินค้า 5 หมื่นล้านยูโร (5.6 หมื่นล้านดอลลาร์) และภาคบริการมูลค่า 4 หมื่นล้านยูโรในแต่ละปี
ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น นักลงทุนจับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 23:23:34 น.
ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการลงนามข้อตกลงในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ของสหรัฐ
ณ เวลา 23.11 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ดีดตัวขึ้น 4.00 ดอลลาร์ หรือ 0.30% สู่ระดับ 1,318.00 ดอลลาร์/ออนซ์
นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้ากับจีนในวันที่ 14-15 ก.พ. ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดพบปะกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารให้แก่คณะผู้แทนสหรัฐที่ภัตตาคารจีนในกรุงปักกิ่ง ซึ่งคาดว่านายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงดังกล่าว
ทั้งนี้ การที่ปธน.สี จิ้นผิง เตรียมให้การต้อนรับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ และการที่จีนมีกำหนดจัดงานเลี้ยงดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีของทั้งจีนและสหรัฐในความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ปธน.สี จิ้นผิงเตรียมพบกับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในบางส่วนแล้ว
ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจากเดิมในวันที่ 1 มี.ค.ออกไป หากคณะเจรจาของสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐ
แหล่งข่าวในสภาคองเกรสเปิดเผยว่า ตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ ความยาวมากกว่า 55 ไมล์ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ
ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ได้รู้สึกมีความสุขต่อการที่สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 15 ก.พ.
"ผมไม่สามารถพูดว่าผมมีความสุข ผมไม่สามารถพูดว่าผมรู้สึกปลื้ม" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวว่าเขาจะลงนาม หรือจะวีโต้ข้อตกลงดังกล่าว โดยระบุแต่เพียงว่า เขาจะจัดการประชุมเพื่อหารือถึงเรื่องนี้ในเวลาต่อไป
ปธน.ทรัมป์กล่าวต่อไปว่า เขาไม่เชื่อว่าจะเกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งหนึ่ง
"เราไม่ต้องการเห็นการชัตดาวน์อีกครั้งหนึ่ง" ปธน.ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า เขาจะดูรายละเอียดของข้อตกลงดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้มีการสร้างกำแพงความยาว 215 ไมล์ วงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์กั้นชายแดนเม็กซิโก ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครต และรีพับลิกันในสภาคองเกรส จนนำไปสู่ภาวะชัตดาวน์ 35 วัน ซึ่งเป็นสถิติยาวนานเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ดัชนี CPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาอาหารปรับตัวขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2560 หลังจากดีดตัวขึ้น 1.9% ในเดือนธ.ค.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% ติดต่อกัน 5 เดือน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% เช่นกันในเดือนพ.ย.และธ.ค.
ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 1% ทะลุ 54 ดอลลาร์ จากปัจจัยซาอุฯ,โอเปกลดการผลิต
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 23:09:59 น.
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุ 54 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) แม้ว่าสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันมากกว่าคาด
ณ เวลา 22.59 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 1.79% สู่ระดับ 54.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
โอเปกเปิดเผยรายงานประจำเดือนก.พ. ระบุว่าการผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 797,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 30.806 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. ซึ่งเทียบเท่ากับการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตราว 86%
ทางด้านซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้นำในการปรับลดการผลิตของโอเปก ประกาศว่าจะลดการผลิตสู่ระดับ 9.8 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนหน้า โดยลดลงมากกว่า 500,000 บาร์เรล/วันจากที่มีการสัญญาไว้ในช่วงแรก
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 408,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 826,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ EIA คาดว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1.45 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีก 790,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า สู่ระดับ 13 ล้านบาร์เรล/วัน
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรเวเนซุเอลาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันมากนัก เนื่องจากตลาดสามารถปรับตัวต่อข่าวดังกล่าว
"การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท ปิโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้น้ำมันเป็นอาวุธทางการเมือง อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากข่าวการคว่ำบาตรดังกล่าว เนื่องจากตลาดสามารถปรับตัว หลังจากเกิดปัญหาด้านโลจิสติคส์ในช่วงแรก" รายงานระบุ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาในเดือนที่แล้ว เพื่อขัดขวางไม่ให้รัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร นำรายได้จากการขายน้ำมันมาหนุนบัลลังก์การครองอำนาจในประเทศ
นอกจากนี้ IEA ยังระบุว่า ราคาน้ำมันไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจนับตั้งแต่ที่สหรัฐคว่ำบาตรเวเนซุเอลา เนื่องจากตลาดยังคงเผชิญกับปริมาณน้ำมันจำนวนมากนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว โดยคาดว่าอุปทานน้ำมันมากกว่าอุปสงค์ถึง 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน
EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 22:51:52 น.
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 408,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 826,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ EIA คาดว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1.45 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีก 790,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า สู่ระดับ 13 ล้านบาร์เรล/วัน
IEA ชี้สหรัฐคว่ำบาตรเวเนซุเอลาไม่ได้กระทบราคาน้ำมันมากนัก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 21:43:19 น.
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรเวเนซุเอลาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันมากนัก เนื่องจากตลาดสามารถปรับตัวต่อข่าวดังกล่าว
"การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท ปิโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้น้ำมันเป็นอาวุธทางการเมือง อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากข่าวการคว่ำบาตรดังกล่าว เนื่องจากตลาดสามารถปรับตัว หลังจากเกิดปัญหาด้านโลจิสติคส์ในช่วงแรก" รายงานระบุ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาในเดือนที่แล้ว เพื่อขัดขวางไม่ให้รัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร นำรายได้จากการขายน้ำมันมาหนุนบัลลังก์การครองอำนาจในประเทศ
นอกจากนี้ IEA ยังระบุว่า ราคาน้ำมันไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจนับตั้งแต่ที่สหรัฐคว่ำบาตรเวเนซุเอลา เนื่องจากตลาดยังคงเผชิญกับปริมาณน้ำมันจำนวนมากนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว โดยคาดว่าอุปทานน้ำมันมากกว่าอุปสงค์ถึง 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน
สหรัฐเผยดัชนี CPI ทรงตัวเป็นเดือนที่ 3 ในม.ค.
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 20:57:33 น.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ดัชนี CPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาอาหารปรับตัวขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2560 หลังจากดีดตัวขึ้น 1.9% ในเดือนธ.ค.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% ติดต่อกัน 5 เดือน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% เช่นกันในเดือนพ.ย.และธ.ค.
ยูโรอ่อนค่าเทียบดอลลาร์,ปอนด์ หลังการผลิตภาคอุตฯยูโรโซนทรุดหนักสุดรอบ 9 ปี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 19:54:21 น.
ยูโรอ่อนค่าเทียบดอลลาร์และปอนด์ หลังมีการเปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนทรุดหนักสุดในรอบ 9 ปี ซึ่งทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย
ณ เวลา 19.47 น.ตามเวลาไทย ยูโรอ่อนค่า 0.11% สู่ระดับ 1.1311 ดอลลาร์ และปรับตัวลง 0.24% สู่ระดับ 0.8761 ปอนด์
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนร่วงลง 4.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2552
เมื่อเทียบรายเดือน การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนปรับตัวลง 0.9% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลง 0.4%
"ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย" นายแอนดรูว์ เคนนิงแฮม หัวหน้านักวิเคราะห์จากแคปิตัล อิโคโนมิคส์ กล่าว
ดอลลาร์ดีดตัวใกล้แตะ 111 เยน คาดสหรัฐ-จีนใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 21:59:22 น.
ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 111 เยน จากการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า
ณ เวลา 21.45 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.30% สู่ระดับ 110.81 เยน ขณะที่ยูโรขยับขึ้น 0.03% สู่ระดับ 125.15 เยน และร่วงลง 0.28% สู่ระดับ 1.1292 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.29% สู่ระดับ 96.99
นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้ากับจีนในวันที่ 14-15 ก.พ. ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดพบปะกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารให้แก่คณะผู้แทนสหรัฐที่ภัตตาคารจีนในกรุงปักกิ่ง ซึ่งคาดว่านายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงดังกล่าว
ทั้งนี้ การที่ปธน.สี จิ้นผิง เตรียมให้การต้อนรับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ และการที่จีนมีกำหนดจัดงานเลี้ยงดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีของทั้งจีนและสหรัฐในความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ปธน.สี จิ้นผิงเตรียมพบกับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วนแล้ว
ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจากเดิมในวันที่ 1 มี.ค.ออกไป หากคณะเจรจาของสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้