CPF หุ้นใหญ่ปันผลดี
คาดปี 66 ให้ผลตอบแทนกว่า 3.4%

.
กลับมาพบกับหุ้นปันผลดีอีกครั้ง ในสัปดาห์นี้ Wealthy Thai ขอหยิบข้อมูลของหุ้นเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารในเครือซีพีอย่าง CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) มานำเสนอ โดยมาดูกันว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา CPF จะให้ผลตอบแทนจากปันผลดีแค่ไหน
.
ทั้งนี้ CPF ทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อหมู และไก่ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากมาย และถือเป็นหนึ่งในหุ้นขนาดใหญ่ที่มักจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเสมอ ในด้านของปันผลบริษัทมีประวัติจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอปีละ 2 ครั้ง โดยในรอบ 1 ปี มีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 2.75% และติดอยู่ในลำดับที่ 25 ของดัชนี SETHD
.
โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 30 มิ.ย. 2565 บริษัทจ่ายปันผลไปทั้งหมด 10 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3.65 บาท ปัจจุบัน CPF มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 204,947.57 ล้านบาท และมี P/E อยู่ที่ระดับ 10.55 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ก.พ. 66) โดยราคาหุ้นวันที่ 3 ก.พ. 66 อยู่ที่ 23.80 บาท ปรับตัวลดลงในช่วง 1 ปี 5.74%
.
ขณะที่มุมมองของนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่าทั้งปี 2565 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.80 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.3% ส่วนปี 2566 คาดจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.82 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.4%
.
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานฝ่ายวิเคราะห์ ระบุว่า คาดกำไรปกติในไตรมาส 4/65 จะอยู่ที่ 4.47 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 4.03 พันล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัว 12.9% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่าปี 2565 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 1.58 หมื่นล้านบาท เติบโต 21.99% จากปีก่อน
.
ส่วนแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 1/66 เบื้องต้นคาดชะลอตัวจากไตรมาส 4/65 ตามแนวโน้มราคาหมูไก่ทั้งในประเทศ, เวียดนาม และจีนที่ชะลอตัวต่อ แต่คาดจะชดเชยบางส่วนจากปริมาณขายที่สูงขึ้น เนื่องจากได้ประโยชน์จากอุปสงค์อาหารที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ทำให้คาดว่ากำไรจะเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
.
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรปี 2566 ที่คาดจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 2565 แม้แนวโน้มราคาขายเฉลี่ยของบริษัทคาดจะปรับตัวลง และแนวโน้มต้นทุนการเลี้ยงจะยังทรงตัวระดับสูง แต่ประเมินว่าจะชดเชยได้ด้วยปริมาณขายที่สูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับแผนการควบคุมต้นทุน, เน้นจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และเน้นช่องทางจัดหน่ายที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมากขึ้น ซึ่งคาดจะช่วยชดเชยการชะลอลงของ GPM ได้บางส่วน
.
นอกจากนี้ยังคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจปศุสัตว์ในจีน (CTI) จะฟื้นตัวได้ดีมากขึ้นจากราคาหมูที่ตกต่ำในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 และรับรู้ผลของการเปิดประเทศของจีนได้เต็มปีหนุนผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการปี 2565-2566 ลงเพื่อเพิ่มความระมัดระวังต่อแนวโน้มราคาปศุสัตว์ และสะท้อนต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ถูกปรับลดลงเป็น 30.00 บาท แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”