7 บริษัทใหญ่ SET100
มีอัตรากำไรต่ำกว่า 2%
.
Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจความสามารถในการทำกำไรอย่าง “Net Profit Margin หรือ อัตรากำไรสุทธิ” ของบริษัทในตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET100 ซึ่งอัตรากำไรสุทธิจะการบอกความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ว่ามีกำไรสุทธิคิดเป็นสัดส่วนเท่าไรจากรายรับทั้งหมดของบริษัท กล่าวคือ รายได้ทั้งหมดที่บริษัทได้รับ เมื่อหักต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ดอกเบี้ยและภาษีจะเหลือเป็นกำไรสุทธิทั้งหมดเท่าไหร่
.
โดยความสามารถในการทำกำไร หรือที่เรียกว่า อัตรากำไรสุทธิ ถ้าบริษัทไหนมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับที่สูง ย่อมเป็นที่สนใจของนักลงทุน แต่อย่าลืม บางบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิสูงก็จริง แต่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินธุรกิจ เพราะมีบางส่วนที่บันทึกรายการพิเศษ จนทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเช่นกัน
.
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจ “อัตรากำไรสุทธิ” ของบริษัทในตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET100 ที่อยู่ในระดับไม่เกิน 2% กล่าวคือ หากบริษัทมีรายได้ 100 บาท เท่ากับว่ามีกำไรไม่ถึง 2 บาทนั่นเอง
.
โดยจากการสำรวจผ่าน setsmart อ้างอิงรอบงบการเงินงวด 6 เดือนแรกปี 2566 พบว่า บริษัทที่อัตรากำไรสุทธิต่ำกว่า 1% มีจำนวน 4 บริษัท (ไม่นับรวมอัตรากำไรสุทธิติดลบ) คือ BTG, PTG, IVL, STA และบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิต่ำกว่า 2% แต่มากกว่า 1% มีจำนวน 3 บริษัท คือ OR, STGT, DOHOME
.
สำหรับ BTG งวด 6 เดือนแรกปี 66 รายได้รวม 54,616 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท ลดลง 98.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 0.11% ส่วนไตรมาส 2/66 มีผลขาดทุน 350 ล้านบาท และมีรายได้รวม 26,661.8 ล้านบาท ลดลง 5.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการลดลงของรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการของกลุ่มธุรกจิอาหารและโปรตีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาสุกรในประเทศที่ปรับลดลงจากการลักลอบนําเข้าชิ้นส่วนและเนื้อสุกรผิดกฎหมาย
.
PTG ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 66 มีรายได้รวม 101,923 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ระดับ 388 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 760 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ยังคงสร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/2566 ทำให้ครึ่งปีแรกมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 14.3% และราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น
.
IVL งวด 6 เดือนปี 66 มีรายได้รวม 276,993 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,434 ล้านบาท ลดลง 96% จากงวดเดียวกันปี โดยสภาวะเศรษฐกิจมหภาคยังคงมีความท้าทาย ทวีปยุโรปยังคงเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ มีปัจจัยหลักมาจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้อุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยทั่วโลกลดลง
.
อีกทั้งการฟื้นตัวของประเทศจีนยังคงล่าช้ากว่าที่คาด โดยดัชนี PMI สำหรับการเติบโตของภาคการผลิตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาส 2/66 ทำให้ อุปสงค์ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีลดลง
.
STA ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 66 มีปริมาณการขายยางธรรมชาติทุกประเภทรวม 744,200 แสนตัน เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยไตรมาส 2/2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 66 มีรายได้รวม 46,085 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 397 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
OR งวดครึ่งปีแรกปี 66 มีรายได้รวม 387,396 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 5,732 ล้านบาท ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ขายและบริการลดลงมาอยู่ที่ 385,122 ล้านบาท และ EBITDA ลดลงมาอยู่ที่ 11,137 ล้านบาท เนื่องจากราคาจำหน่ายน้ำมันลดลง ซึ่งสวนทางกับปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยานสำหรับกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรของกลุ่มธุรกิจ Mobility
และกลุ่มธุรกิจ Global ปรับลดลง รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น 10.9% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าจ้างบุคคลภายนอก และค่าส่งเสริมการขาย
.
STGT งวดครึ่งปีแรกปี 66 มีรายได้รวม 9,840 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 147 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,668 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิที่ 15 ล้านบาท ลดลง 97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขาย 5,036 ล้านบาท ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
สุดท้าย DOHOME งวด 6 เดือนของปี 2566 มีรายได้รวม 16,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 297 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 774 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.8% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.8%
