RATCH ลั่นปี60 รายได้พุ่ง ทุ่มหมื่นลบ.เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า1พัน MW

         RATCH มั่นใจปี 60 รายได้ - กำไรดีกว่าปี 59 ที่ทำได้ 5.1 หมื่นลบ. และ 6.16 พันลบ. ตามลำดับ รับโรงไฟฟ้าหงสาผลิตไฟแตะ 80% พร้อมแตกไลน์ธุรกิจสาธารณูปโภค-รถไฟฟ้า สร้างรายได้อีกทาง ตั้งเป้าหมายผลิตไฟฟ้าที่ 7,500 MW จาก 6,442 MW เตรียมงบ 10,000 ลบ.รองรับการเติบโตในปีนี้  ยันวินด์ฟาร์ม 2 แห่งไม่มีปัญหากับ ส.ป.ก.  ใจดีจ่ายปันผลอีก 1.25 บาท รวมทั้งปี 59 ปันผลถึง 2.35 บาท  

      บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH  ออกมาแถลงข่าวถึงผลประกอบการงวดปี 2559 และแนวโน้มปี 2560 โดยในปีนี้ มั่นใจว่าทั้งรายได้และกำไรของบริษัทจะดีกว่าปีที่ผ่าน หลังจากโรงไฟฟ้าหงสาผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น - แตกไลน์ธุรกิจไปกลุ่มสาธารณูปโภค โดยเฉพาะรถไฟและรถไฟฟ้ามากขึ้น   

           
*** มั่นใจรายได้กำไรปีนี้ดีกว่า 59 หลังโรงไฟฟ้าหงสาเดินเครื่อง 80%   

        นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH  คาดผลการดำเนินงานปี 60 จะดีกว่าปี 59 ที่มีรายได้รวม 5.1 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.16 พันล้านบาท เนื่องจากโรงไฟฟ้าหงสาเดินเครื่องการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 80% จากปีก่อนที่เดินเครื่องการผลิตที่ 63% และยังมีปัญหาหยุดซ่อม ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีสัดส่วนกำไร 30% ของกำไรสุทธิรวมของบริษัท โดย ปีนี้ ยังไม่มีโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มขึ้นอีก ยกเว้นหากซื้อสามารถกิจการโรงไฟฟ้าได้สำเร็จ

      "ปีนี้จะไม่มีโรงไฟฟ้าCOD เพิ่มยกเว้นจะซื้อกิจการได้ แต่ผลการดำเนินงานปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน เพราะโรงไฟฟ้าหงสา เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 80%จากปีก่อนเดือนเครื่องผลิตได้ 63% เพราะมีปัญหาหยุดซ่อม " นายรัมย์ กล่าว

*** เตรียมขยายลงทุนให้ได้ 7,500 MW  - รักษาอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ 6% 

       บริษัท มีเป้าหมายขยายการลงทุนให้ได้ 7,500 เมกะวัตต์ จาก6,442 เมกะวัตต์  และรักษาอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ (Return on Asset) ให้อยู่ที่ 6% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงการเป้าหมายที่อยู่ระหว่างเจรจาขั้นสุดท้ายและที่มีศักยภาพการลงทุนประมาณ 1,100 เมกะวัตต์ ซึ่งมีทั้งการลงทุน หรือซื้อกิจการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ลงทุนแล้วซึ่งกำลังพัฒนาและก่อสร้างอีก 538 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายในปีนี้ได้ 

      อย่างไรก็ตาม บริษัทคงเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 2566 อยู่ที่ 10,000 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ได้เตรียมเงินทุนไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะใช้ในโครงการที่กำลังพัฒนาและก่อสร้าง ที่เหลือจะใช้สำหรับโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น  โดยเชื่อว่าไทย สปป. ลาว ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์ มีศักยภาพและโอกาสการลงทุนที่ดีมาก

 *** ยันพลังงานลมไร้ปัญหากับส.ป.ก. 

      สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 โครงการ คือโครงการ ห้วยบง 2 และห้วยบง 3 ที่ตั้งบนพื้นที่ ส.ป.ก. ได้เดินเครื่องผลิตและ COD มาแล้ว 4 ปี ที่ผ่านมาไม่ได้มีปัญหาการถูกกร้องเรียนจากชุมชนใกล้เคียง และบริษัทยืนยันว่าโครงการดังกล่าวดำเนินงานตามขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง ซึ่งโครงการดังกล่าวมีกำลังผลิต 103 เมกะวัตต์/แห่ง โดยเป็นโครงการร่วมลงทุนที่ RATCH ถือหุ้นโครงการละ 20%

*** เล็งแตกไลน์ลุยธุรกิจสาธารณูปโภค 

      นอกจากนี้บริษัท ยังสนใจลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภค เช่น ประปา ถนน ฯลฯ เพื่อกระจายฐานรายได้และลดความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตร

คาดชัดเจนในปีนี้อย่างน้อย 1 โครงการ และบริษัทยังสนใจร่วมกับพันธมิตรรายเดิมเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายต่างๆ เพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทได้ร่วมกับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ชิโน- ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ในนามกิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง)

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเงื่อนไขกับ รฟม.คาดเซ็นสัญญาได้ในเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ เริ่มก่อสร้างต้นปี 61 และบริษัทอยู่พิจารณาถือหุ้นเพิ่มในกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ หลัง BTS เปิดทางถือหุ้นมากกว่า10% แต่ขอพิจารณาความเสี่ยงและผลตอบแทนการลงทุนให้รอบคอบก่อน

*** อวดงบปี 59 มีกำไรสุทธิ 6.1 พันลบ.โต 93.4%  - ปันผลอีก 1.25 บาท  

       RATCH แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีผลกำไรสุทธิ 6,165.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.4% เมื่อเทียบกับงวดปี 58 มีกำไรสุทธิ 3,187.86 ล้านบาท  โดยรายได้จากการขายและให้บริการ(ไม่รวมค่าเชื้อเพลิง) จำนวน 6,287 ล้านบาท ลดลง 12.8% จากปี 58 ที่มีจำนวน 7,206 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากรายได้ค่าขายไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ลดลงจำนวน 939 ล้านบาท เนื่องจากโรงไฟฟ้ามีอัตราค่าความพร้อมจ่ายปี 59 ต่ำกว่าปี 58 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 

      ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 8,565 ล้านบาท ลดลง 14.5% จากปี 58 อยู่ที่ 10,012 ล้านบาท ปี 2559 บริษัทฯ รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 157.66 ล้านบาท ขณะที่ปี 2558บริษัทฯ รับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี"ยนจำนวน 1,333.75 ล้านบาท

      ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทมีมติ กำหนดจัดสรรกำไรสะสมจ่ายเงินปันผล 1.25 บาท ขึ้น XD วันที่ 1 มี.ค. 60 ปิดสมุดทะเบียน 6 มี.ค.60 จ่ายวันที่ 27 เม.ย. 60 ซึ่งเมื่อรวมกับที่จ่ายระหว่างกาล 1.10 บาท รวมแล้วงวดปี 59 จ่ายปันผล 2.35 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,408 ล้านบาท คิดเป็น 55.3% ของกำไร